“แสง” ทำลายระบบนิเวศ งานวิจัยชี้ยิ่งสว่างยิ่งปล่อยคาร์บอน

งานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature Climate Change ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแสงไฟกับสมดุลคาร์บอนในระบบนิเวศ โดยครอบคลุมพื้นที่ตัวอย่าง 86 แห่งในอเมริกาเหนือและยุโรปจากข้อมูลดาวเทียมพบว่า พื้นที่ที่มีแสงรบกวนตอนกลางคืนสูง พืช จุลินทรีย์ และสัตว์ จะปล่อยคาร์บอนมากขึ้นกว่าเดิม แต่ขณะเดียวกันอัตราการสังเคราะห์แสงของพืชกลับไม่ได้เพิ่มมากขึ้น นั่นหมายถึงไม่มีการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์เข้ามาชดเชย พื้นที่เมืองและชุมชนที่สว่างไปด้วยแสงไฟกำลังเปลี่ยนสมดุลทางธรรมชาติอย่างช้าๆ นับเป็นข่าวร้ายในยุคที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจและมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน

ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า แต่ละปีมีมลภาวะทางแสงเพิ่มขึ้นราว 2% แต่มลภาวะทางแสงนั้นสามารถแก้ได้ง่ายและเร็วกว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพียงแค่ผู้คนในเมืองและชุมชนหันมาให้ความสำคัญต่อการใช้แสงสว่างในตอนกลางคืน เลือกใช้ไฟแบบหรี่ การติดตั้งโคมไฟแบบกำหนดทิศทาง หรือแม้กระทั่งการเลือกโทนแสงที่เหมาะสม ก็สามารถลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ รวมถึงลดการใช้ไฟฟ้าและพลังงานในทั่วโลกได้อีกด้วย 

สำหรับหลายประเทศในยุโรปมีกฎหมายควบคุมความสว่างและแสงไฟ และมีพื้นที่รับรอง “เขตท้องฟ้ามืด” เพื่อคุ้มครองความมืดของท้องฟ้าในยามค่ำคืน ลดการกระจายของแสง และลดการใช้พลังงานที่สูญเปล่า อย่างที่ฝรั่งเศสมีการจำกัดเวลาเปิดไฟอาคารและสำนักงาน ร้านค้า จำกัดค่าสีและความสว่างในชุมชนโดยต้องผ่านการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

นอกจากนี้ยังมีโครงการ International Dark Sky Places เพื่อควบคุมพื้นที่รักษาความมืดตามธรรมชาติของท้องฟ้า ปัจจุบันมีเขตอนุรักษ์ความมืดทั้งหมด 24 แห่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป รวมถึงสวนสัตว์ในอัมสเตอร์ดัม ยังเป็นส่วนสัตว์แห่งแรกที่ได้รับการรับรองเป็น Urban Night Sky Place อีกด้วย