COP30 ชี้ชะตาโลกเดือด โลกเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้จริงหรือ? เมื่อชาติมหาอำนาจน้ำมันไม่ยอมขยับ

การยุติการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ คือหัวใจของการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่จะแก้ไข้ปัญหาได้อย่างไร ยังไม่มีใครฟันธงได้ เพราะแม้แต่เพียงการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด ก็ยังเป็นเรื่องอ่อนไหวบนเวที COP30
การเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลคืออะไร?
ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ คือต้นตอของปัญหาโลกร้อน เพราะเมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกเผาไหม้จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นแล้วกว่า 1.5°C จากยุคก่อนอุตสาหกรรม และอาจพุ่งทะลุ 2.5°C ในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายถาวรในวงกว้าง นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า ต้องยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้ได้ หากต้องการหยุดภาวะโลกร้อนและรักษาสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์อยู่ได้ แต่ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกเติบโตจากพลังงานฟอสซิล จนกระทั่งช่วง 20 ปีหลังมานี้ ที่พลังงานลม แสงอาทิตย์ และยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมใช้งานจริง จึงเริ่มเห็นเส้นทางใหม่ที่พึ่งพาพลังงานหมุนเวียนแทน
ทำไมการพูดเรื่องเชื้อเพลิงฟอสซิลในเวทีสภาพภูมิอากาศจึงเป็นเรื่องอ่อนไหว?
กว่า 30 ปี ของการประชุมภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ประเด็น “ฟอสซิล” กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง ซึ่งจุดแข็งของระบบ UNFCCC คือการรวมทุกประเทศในโลกเป็นภาคี แต่ก็เป็นข้อจำกัด เพราะบรรดา “รัฐน้ำมัน” เช่น ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และรัสเซีย ได้ใช้สถานะเท่าเทียมกับประเทศอื่นขัดขวางการพูดถึงการเลิกใช้ฟอสซิล โดยผลักให้การเจรจาไปเน้นคำว่า “ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” แทน ซึ่งเปิดช่องให้หลีกเลี่ยงการพูดถึงฟอสซิลโดยตรง
เริ่มมีการพูดถึงเมื่อไร?
การเปลี่ยนผ่านจากฟอสซิลถูกบันทึกเป็นครั้งแรกในการประชุม COP28 ที่ดูไบ ปี พ.ศ. 2566 ภายใต้เอกสาร “Global Stocktake” ใน ย่อหน้า 28 แม้จะเป็นเพียงถ้อยคำที่ถูกซ่อนอยู่ลึก ๆ แต่ก็ถือเป็นก้าวประวัติศาสตร์ ความสำเร็จนี้ยิ่งน่าแปลกใจ เพราะ COP28 ถูกจัดขึ้นในประเทศน้ำมัน และมี “สุลต่าน อัล จาเบอร์” ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันของยูเออีเป็นประธาน ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักก่อนการประชุม แต่ในห้องเจรจา เขากลับเป็นผู้ผลักดันให้ข้อตกลงผ่านได้ อย่างไรก็ตาม ยูเออียังคงแผนขยายการผลิตน้ำมันตามเดิม
แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?
ข้อตกลง COP28 แทบไม่ได้นำไปปฏิบัติจริง เพราะไม่นานหลังปิดประชุม ประเทศอย่าง ซาอุดีอาระเบีย ก็พยายามตีความใหม่ว่า “การเปลี่ยนผ่านจากฟอสซิล” ไม่ใช่คำมั่นผูกมัด เมื่อหลายประเทศพยายามจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การเจรจาอีกครั้งใน COP29 ที่อาเซอร์ไบจาน ปี พ.ศ. 2567 การพูดคุยก็ถูกสกัดจนไม่คืบหน้า
ทำไม COP30 ถึงต้องหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง?
กลุ่มประเทศที่สนับสนุนการเลิกใช้ฟอสซิล เช่น สหราชอาณาจักร สมาชิกสหภาพยุโรปบางประเทศ รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาที่เปราะบางจำนวนมาก ย้ำว่าข้อตกลงในอดีตลบไม่ได้ และต้องนำไปต่อยอดสู่แผนปฏิบัติจริง พร้อมเสนอให้มี ไทม์ไลน์ วางแผนลด-เลิกฟอสซิลอย่างเป็นรูปธรรม
ประเด็นนี้อยู่ในวาระการประชุมอย่างเป็นทางการหรือไม่?
ไม่อยู่ในวาระ แต่จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยบราซิลเจ้าภาพ COP30 ระบุว่าไม่มีอำนาจกำหนดวาระเอง แต่ต้องตามเสียงส่วนใหญ่ อีกทั้งกังวลว่าหากใส่วาระนี้ลงไปแล้วถูกโหวตคว่ำ อาจเสียโอกาสเชิงสัญลักษณ์คล้ายกับที่เกิดขึ้นใน COP29
ถ้าไม่อยู่ในวาระ แล้วจะพูดคุยกันอย่างไร?
ภายนอกวาระหลัก 145 ข้อ COP เต็มไปด้วยวงประชุมคู่ขนานหลายหัวข้อ ตั้งแต่ความมั่นคงทางอาหารจนถึงคลื่นความร้อนในมหาสมุทร บราซิลจัดเวทีพิเศษชื่อ “Action Agenda” เปิดพื้นที่ให้ประเทศต่าง ๆ นำเสนอความคืบหน้าการลดการปล่อยคาร์บอน และสามารถพูดคุยเรื่องการเลิกฟอสซิลได้โดยไม่ต้องใช้มติ “เอกฉันท์” เหมือนวาระหลัก
COP30 สามารถออก “โรดแมปเลิกใช้ฟอสซิล” ได้หรือไม่?
ทำไม่ได้ภายใน 2 สัปดาห์ของการประชุม เพราะโรดแมปต้องมีไทม์ไลน์ รายละเอียดมาตรการ และหลักเปรียบเทียบที่ทุกประเทศยอมรับได้ ซึ่งซับซ้อนมาก แต่สิ่งที่เป็นไปได้ คือ COP30 อาจเริ่ม “กระบวนการ” พัฒนาโรดแมป ที่อาจกินเวลาอีก 2–3 ปีต่อเนื่องในหลายสมัย เพื่อเปิดพื้นที่หารืออย่างไม่ผูกมัดระหว่างทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคฟอสซิล
โรดแมปนี้จะมีผลผูกมัดหรือไม่?
ในช่วงแรก ไม่ผูกมัด และอาจไม่ผูกมัดเลยในอนาคต สิ่งที่มีผลทางกฎหมายอยู่แล้วคือถ้อยความในเอกสาร COP28 ย่อหน้า 28 ประเทศที่ผลักดันมองว่า การสร้าง “กลุ่มผู้เห็นพ้อง” ให้เริ่มต้นเดินหน้า คือก้าวแรกที่สำคัญกว่าการออกข้อผูกมัดแข็งตัว ซึ่งเสี่ยงถูกคว่ำโดยรัฐน้ำมัน
ประเทศใดสนับสนุนการเลิกฟอสซิล?
มีมากกว่า 60 ประเทศ สนับสนุนแนวคิดนี้ รวมถึง หลายประเทศในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร
ออสเตรเลีย กลุ่มประเทศเกาะเล็ก ประเทศเปราะบางต่อสภาพภูมิอากาศจำนวนมาก รวมถึงโคลอมเบีย ชิลี เคนยา แม้แต่ไนจีเรียซึ่งพึ่งพาน้ำมันอย่างมากก็เริ่มให้ความสนใจ แต่ขณะเดียวกัน คาดว่ามี ไม่น้อยกว่า 40 ประเทศ ที่ยังคัดค้าน
แนวโน้มผลลัพธ์ของ COP30 คืออะไร?
หากมีประเทศเข้าร่วมมากพอ COP30 อาจตั้งเวทีเจรจาถาวรเพื่อพัฒนาโรดแมป ซึ่งอาจสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างใน COP31 หรือ COP32 แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าภาพในอนาคต โดย COP31 ยังไม่ชัดว่า ออสเตรเลียหรือตุรกี จะได้เป็นเจ้าภาพ ส่วน COP32 จะจัดในเอธิโอเปีย และ COP33 อาจอยู่ที่อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่เคยกำหนดให้คำว่า “เลิกใช้ถ่านหิน” ใน COP26 ต้องเบาลงเหลือคำว่า “ลดการใช้ถ่านหิน”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
