ภาพถ่ายเปลวสุริยะ ผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์
เปลวสุริยะ หรือโซลาร์แฟลร์ (Solar Flare) คือการระเบิดของชั้นบรรยากาศดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นการปลดปล่อยอนุภาคและรังสีที่มีพลังงานสูงที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แต่สิ่งมีชีวิตบนโลกได้รับการปกป้องจากสนามแม่เหล็กโลกและชั้นบรรยากาศ มี 2 อย่างหลัก ๆ ที่น่ากังวลจากการปลดปล่อยนี้ คือ โปรตอนพลังงานสูง และรังสีเอ็กซ์
แม้รังสีเอ็กซ์จะผ่านชั้นบรรยากาศโลกของเราเข้ามาได้ไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แต่ก็มีผลกระทบต่อกิจกรรมของมนุษย์บริเวณวงโคจรรอบโลก ซึ่งจะรบกวนการสื่อสารทางวิทยุ
นอกจากนี้ รังสีอัลตราไวโอเลตยังทำให้บรรยากาศชั้นนอกของโลกร้อนขึ้นจนทำให้เกิดการขยายตัว ส่งผลกระทบต่อดาวเทียมโคจรรอบโลก ทำให้อายุการใช้งานในวงโคจรสั้นลง
โดยทั้ง 2 อาจทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารผ่านดาวเทียมลดลง เช่น ความแม่นยำในการวัด Global Positioning System หรือ GPS ซึ่งเป็นระบบนำทางที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกันบ่อย ๆ อาจลดลงได้
ในทุก 11 ปี จะเกิดพายุสุริยะ หรือ การปลดปล่อยเปลวสุริยะครั้งใหญ่ ซึ่งสัมผัสกับการปลดปล่อยมวลโคโรนา (CME) และวัฏจักรของจุดบอดบนดวงอาทิตย์ (Sun Spot) โดยมีความรุนแรงมากกว่าเปลวสุริยะทั่วไป ทั้งนี้ มันจะใช้เวลา 3-5 วัน ในการไปถึงโลกหลังจากออกจากดวงอาทิตย์
ปัญหาร้ายแรงประการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างพายุสุริยะคือ ความเสียหายต่อดาวเทียมที่โคจรรอบโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรพ้องคาบโลก (Geosynchronous) ที่สูง ดาวเทียมสื่อสารโดยทั่วไปอยู่ในวงโคจรนี้ ดาวเทียมอาจมีประจุไฟฟ้าสูงในช่วงที่เกิดพายุและส่วนประกอบได้รับความเสียหายจากกระแสไฟที่สูง หรือส่วนประกอบได้รับความเสียหายจากอนุภาคพลังงานสูงที่ทะลุผ่านดาวเทียม
ปัจจุบันนักบินอวกาศไม่ตกอยู่ในอันตรายทันทีเพราะอยู่ใกล้โลกในวงโคจรต่ำ พวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับการได้รับรังสีสะสมระหว่างการเดินในอวกาศมากกว่า อย่างไรก็ตาม มันอาจเป็นอันตรายต่อนักบินอวกาศในภารกิจไปยังดวงจันทร์หรือดาวอังคาร
มนุษย์ในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะมากกว่าในอดีต เนื่องจากในปัจจุบัน เราพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดาวเทียม เครื่องใช้ไฟฟ้ามากกว่า จึงต้องมีการเฝ้าสังเกตดวงอาทิตย์เพื่อระวังภัย และคาดการณ์ความรุนแรงของผลกระทบที่จะได้รับ
ข้อมูลและจาก hesperia.gsfc.nasa.gov