ญี่ปุ่นเตรียมหมัก “สาเกในอวกาศ” ครั้งแรกของโลก

ญี่ปุ่นกำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของทั้งวงการอวกาศและวัฒนธรรมอาหาร เมื่อบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ จำกัด (Mitsubishi Heavy Industries) จับมือกับบริษัท ดัสไซ (DASSAI) ผู้ผลิตสาเกชื่อดังจากจังหวัดยามากุจิ เตรียมปล่อยอุปกรณ์หมักสาเกขึ้นสู่อวกาศภายใต้โครงการ “DASSAI MOON Project” เพื่อทดลองหมักสาเกบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เป็นครั้งแรกของโลก โดยใช้ จรวด H3 หมายเลข 7 ร่วมกับ ยานขนส่ง HTV-X ที่ญี่ปุ่นพัฒนาเอง อุปกรณ์หมักจะถูกติดตั้งในโมดูลทดลองญี่ปุ่น “คิโบะ (Kibo)” และดำเนินการโดย นักบินอวกาศคิมิยะ ยูอิ (Kimiya Yui) ภายใต้การควบคุมขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA)
จากข้าวญี่ปุ่นสู่สาเกแห่งดวงจันทร์
บริษัท ดัสไซ (DASSAI) เริ่มต้นโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2024 ด้วยเป้าหมายระยะยาวคือ การสร้างโรงหมักสาเกบนผิวดวงจันทร์ภายในปี 2050 เพื่อให้มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ในอนาคตได้สัมผัส “รสชาติแห่งบ้านเกิด” อย่างแท้จริง
ที่มาของภาพ
Dassai
บริษัทเชื่อว่าในอนาคต “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” จะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในอาณานิคมอวกาศ เช่นเดียวกับอาหารบนโลก แต่เนื่องจากองุ่นมีน้ำหนักมากและขนส่งยาก DASSAI จึงเลือกใช้ “ข้าวญี่ปุ่น” ซึ่งเบากว่าและเหมาะสมกับการหมักในอวกาศมากกว่า
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนว่าในอนาคตจะใช้ “ข้าวและน้ำแข็งบนดวงจันทร์” เป็นวัตถุดิบหมักสาเกโดยตรง เพื่อให้มนุษย์สามารถผลิตเครื่องดื่มได้จากทรัพยากรในท้องถิ่นของดวงจันทร์เอง
หมักสาเกภายใต้แรงโน้มถ่วง 1/6 ของโลก
ภารกิจหมักสาเกในอวกาศในระยะแรก (Phase 1) จะส่งส่วนผสมหลัก ได้แก่ ข้าว ยีสต์ มอลต์ และน้ำ ขึ้นไปพร้อมอุปกรณ์หมักที่พัฒนาโดย บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ จำกัด (Mitsubishi Heavy Industries) ซึ่งออกแบบให้ทำงานอัตโนมัติในสภาวะไร้น้ำหนัก
ที่มาของภาพ
Dassai
อุปกรณ์นี้จะถูกติดตั้งในห้องทดลอง CBEF-L (Cell Biology Experiment Facility-Light) หรือ อุปกรณ์ทดลองชีววิทยาในอวกาศ ภายในโมดูล “คิโบะ” ซึ่งสามารถจำลองแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ได้ในระดับ 1/6 ของโลก
ที่มาของภาพ
JAXA
โดยการหมักจะใช้เทคนิคเฉพาะของสาเกญี่ปุ่นที่เรียกว่า Parallel Multiple Fermentation คือการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล และน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ไปพร้อมกันในถังเดียว ซึ่งเป็นหัวใจของการหมักสาเกคุณภาพสูง
ควบคุมจากโลก ติดตามทุกขั้นตอน
หลังเริ่มการหมัก นักบินอวกาศจะเติมน้ำลงในระบบอัตโนมัติ จากนั้นทีมภาคพื้นดินจะควบคุมและติดตามค่าต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ทั้งอุณหภูมิ การกวน และระดับแอลกอฮอล์ โดยตั้งเป้าว่าจะได้สาเกที่มีความเข้มข้นราวร้อยละ 15 ภายใน 10 วัน
เมื่อสิ้นสุดการหมัก เนื้อสาเกจะถูกแช่แข็งและเก็บไว้ในวงโคจร ก่อนส่งกลับมายังโลกในช่วงต้นปี 2026 ส่วนหนึ่งของเนื้อหมักจะถูกกลั่นเป็นสาเกจริง ปริมาณเพียง 100 มิลลิลิตร ภายใต้ชื่อ “DASSAI MOON Space Brewing”
ที่จะสงวนราคาขวดละ 110 ล้านเยน หรือประมาณ 26 ล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปสนับสนุนโครงการพัฒนาอวกาศของญี่ปุ่น ส่วนเนื้อหมักที่เหลือจะนำไปใช้วิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหมักในอวกาศต่อไป
ผู้อยู่เบื้องหลัง “สาเกแห่งอวกาศ”ที่มาของภาพ
Dassai
โซยะ อุเอะสึกิ (Soya Uetsuki) หัวหน้าห้องทดลองนวัตกรรมของ DASSAI คือผู้รับผิดชอบหลักของโครงการนี้ เขาเคยศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและทำงานวิจัยเกี่ยวกับกลไกโรค ก่อนเข้ามาร่วมสร้างสาเกที่ดีที่สุดในโลก
โดยได้เล่าว่า ความท้าทายสำคัญคือ การพิสูจน์ความปลอดภัยของการทดลองในอวกาศ ซึ่งต้องผ่านการอนุมัติจาก NASA ทีมงานจึงต้องจัดทำข้อมูลทุกชนิดของผลพลอยได้จากการหมัก เพื่อยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบนสถานีอวกาศ
หลังผ่านการตรวจสอบ เขาและทีมจาก MHI ได้ร่วมกันออกแบบอุปกรณ์หมักจำลองแรงโน้มถ่วงดวงจันทร์ สามารถทำงานอัตโนมัติและส่งข้อมูลการหมักกลับมายังโลกแบบเรียลไทม์
จากข้าวญี่ปุ่น สู่สาเกแห่งดวงจันทร์
โครงการ DASSAI MOON Project ไม่ได้เป็นเพียงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยีอวกาศและวัฒนธรรมญี่ปุ่น อย่างลึกซึ้ง
จาก “ข้าวญี่ปุ่นบนโลก” สู่น้ำหมักที่หมุนเวียนอยู่ในแรงโน้มถ่วงจำลองของอวกาศ โครงการนี้กำลังพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีไม่เพียงขับเคลื่อนมนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์ แต่ยังพาความสุขและวัฒนธรรมของเราติดตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
สถานการณ์ภารกิจปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เดิมทีภารกิจนี้มีกำหนดจะปล่อยยานขนส่งสินค้าแบบไร้คนขับ HTV-X1 ขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด H3 ลำที่ 7 จากศูนย์อวกาศทาเนงาชิมะ ในวันที่ 21 ตุลาคม 2025 แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการปล่อยยาน เนื่องจาก สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่า สภาพอากาศคาดว่าจะยังไม่ดีขึ้นอย่างน้อยจนถึงวันที่ 23 ตุลาคม และจะประกาศวันปล่อยยานใหม่อีกครั้งเมื่อมีแนวโน้มชัดเจน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
