รีเซต

"เม็กซิโก" เอาบ้าง เตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีน หลังทรัมป์บีบหนัก ชี้ปกป้องธุรกิจในประเทศ

"เม็กซิโก" เอาบ้าง เตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีน หลังทรัมป์บีบหนัก ชี้ปกป้องธุรกิจในประเทศ
TNN ช่อง16
28 สิงหาคม 2568 ( 12:34 )
9

เม็กซิโก วางแผนขึ้น “ภาษีนำเข้าจากจีน” สินค้ารถยนต์ สิ่งทอ และพลาสติก อ้างปกป้องธุรกิจในประเทศ และตอบสนองข้อเรียกร้อง "ทรัมป์ฯ"


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลเม็กซิโกกำลังวางแผนปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในข้อเสนองบประมาณปี 2569 ที่จะประกาศเดือนหน้านี้ เพื่อปกป้องธุรกิจในประเทศจากสินค้าราคาถูก และตอบสนองต่อข้อเรียกร้องที่มีมาอย่างยาวนานของ "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ"


การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้คาดว่าจะครอบคลุมสินค้านำเข้า เช่น รถยนต์ สิ่งทอ และพลาสติก เป้าหมายเพื่อคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศจากการแข่งขันที่ได้รับการอุดหนุนจากจีน ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าว 3 รายที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้  โดยหนึ่งในนั้นระบุว่า ประเทศเอเชียอื่น ๆ ก็อาจจะต้องถูกขึ้นภาษีด้วยเช่นกัน


อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยอัตราภาษีที่แน่ชัดว่าจะมากน้อยเพียงใด และแผนดังกล่าวนี้ก็ยังอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ โดยข้อเสนองบประมาณรายได้จากรัฐบาล "ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาว์ม" (Claudia Sheinbaum) มีกำหนดส่งเข้าสภาคองเกรสไม่เกินวันที่ 8 กันยายน 2568  ทั้งนี้แม้แผนงบประมาณจะต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ แต่พรรคของเชนบาว์มและพันธมิตรนั้นครองเสียงข้างมากถึงสองในสามทั้งสองสภา ทำให้การแก้ไขโดยสภามีโอกาสน้อยอย่างยิ่ง


ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี 2568 รัฐบาลทรัมป์ได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศเม็กซิโกขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเช่นเดียวกับสหรัฐฯ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เม็กซิโกเสนอแนวคิด "Fortress North America" เพื่อลดการพึ่งพาสินค้าจีนและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าและการผลิตในภูมิภาคสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา  โดยมี "สก็อต เบสเซนต์" รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แสดงความสนับสนุน ซึ่งทั้งสองประเทศยังเตรียมทบทวนข้อตกลงการค้าเสรี (USMCA) ที่เจรจาในสมัยแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ ภายในกลางปีหน้านี้ 


ความเห็นจาก "หนิง ซุน" นักกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่อาวุโสจาก "State Street Global Markets" ในนครบอสตัน ระบุว่า การส่งออกของจีนสู่ภูมิภาคลาตินอเมริกาเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ ช่วยชดเชยการหดตัวในตลาดสหรัฐเม็กซิโกจำเป็นต้องทั้งรักษาฐานการผลิตในประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจและการทูตของสหรัฐ


แรงกดดันจากสหรัฐยังเกิดจากข้อกล่าวหาของทรัมป์ว่า สินค้าจีนบางส่วนกำลังถูกส่งเข้ามายังเม็กซิโกก่อนทะลักเข้าสหรัฐฯ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์เพิ่งประกาศยกเว้นเม็กซิโกจากการขึ้นภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น หลังได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีเชนบาว์มและมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า

ทั้งนี้เม็กซิโกและสหรัฐฯ กำลังใกล้บรรลุข้อตกลงใหม่เพื่อจัดการปัญหาการค้ายาเสพติดและความรุนแรง โดยทรัมป์ยกประเด็นการลักลอบเฟนทานิลเป็นเหตุผลให้เม็กซิโกถูกเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าที่ไม่อยู่ในกรอบการค้าเสรี ข้อตกลงด้านความมั่นคงใหม่นี้จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายหาทางออกร่วมกันได้ง่ายขึ้นในข้อพิพาทด้านสินค้าอื่น เช่น มะเขือเทศและเหล็ก


ทั้งนี้ตลาดรถยนต์จีนในเม็กซิโกเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกรถยนต์จีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้ารัสเซีย ตามข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์โดยสารจีน (China Passenger Car Association)


รถยนต์ราคาจับต้องได้และการรับประกันยาวนานทำให้แบรนด์จีน เช่น BYD, SAIC (MG), และ Chery ได้รับความนิยมสูง รถ SUV จากจีนมีราคาถูกกว่ารถญี่ปุ่นหรือสหรัฐถึงเกือบ 20% และบางค่ายยังเสนอการรับประกันยาวถึง 10 ปี เทียบกับมาตรฐานทั่วไปเพียง 3 ปี


นอกจากนี้บริษัทรถยนต์รายใหญ่เดิม เช่น GM ก็ส่งออกรถจากโรงงานในจีนมายังเม็กซิโกด้วย ทำให้ปริมาณนำเข้าพุ่งสูงขึ้น แม้ผู้ผลิตจีนส่วนใหญ่ยังมีโรงงานในเม็กซิโกเพียงไม่กี่แห่ง แต่หลายรายกำลังเร่งเดินหน้าการผลิตในประเทศ เช่น JAC Motors ที่มีโรงงานประกอบรถเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กในเม็กซิโกเกือบ 10 ปีแล้ว และซัพพลายเออร์จีนอย่าง "Sanhua Holding Group" ก็เริ่มลงทุนเพิ่มในเม็กซิโก ขณะที่ BYD เคยวางแผนสร้างโรงงาน แต่เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์


อย่างไรก็ตามแม้เม็กซิโกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากจีนสูงสุด 20% แต่ยังต่ำมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่รัฐบาลอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำหนดภาษี 100% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจีน และห้ามนำเข้ารถที่มีซอฟต์แวร์พัฒนาจากจีนส่วนใหญ่



"วาเนสซา รามิเรซ" กรรมการผู้จัดการจากที่ปรึกษาเอกชน "Ecanal" กล่าวว่า “ถ้าภาษีไม่สูงพอที่จะให้บริษัทเม็กซิโกสามารถแข่งขันได้ในตลาดในประเทศ ก็จะไม่มีประสิทธิผล และอาจถือว่าช้าเกินไปแล้วด้วย” และยังเสริมว่า รัฐบาลยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อภาคเอกชนเกี่ยวกับการใช้วัตถุดิบจากจีน


ดังนั้นการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนจะช่วยเพิ่มรายได้รัฐและสนับสนุนเป้าหมายของประธานาธิบดีเชนบาว์มในการลดการขาดดุลงบประมาณของเม็กซิโก ซึ่งขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ในปี 2567 เนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนใช้จ่ายจำนวนมากกับโครงการสำคัญก่อนพ้นตำแหน่ง


ขณะเดียวกันรัฐบาลเชนบาว์มยังพยายามกระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศผ่านแผนเม็กซิโก (Plan Mexico) ที่เน้นการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมและการลงทุนภาครัฐ เพื่อกระตุ้นการลงทุนในสภาวะแวดล้อมทางการค้าที่ไม่แน่นอน เธอยังเคยปรับขึ้นภาษีสินค้าต่างประเทศบางรายการแล้วก่อนหน้านี้ เช่น สิ่งทอและเสื้อผ้าที่จำหน่ายตรงถึงผู้บริโภค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง