รีเซต

TeC เชื่อไทยมีความพร้อมรับนักลงทุนต่างชาติหนุน สตาร์ทอัพ

TeC เชื่อไทยมีความพร้อมรับนักลงทุนต่างชาติหนุน สตาร์ทอัพ
TNN ช่อง16
7 ตุลาคม 2563 ( 18:30 )
91
TeC เชื่อไทยมีความพร้อมรับนักลงทุนต่างชาติหนุน สตาร์ทอัพ

ณัฐพร วุ่นกลิ่นหอม  ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท TeC จำกัด กล่าวว่า ในเรื่องของสตาร์ทอัพ ประเทศไทย นับว่าเป็นตลาดทางเลือกที่ดีในการลงทุนของ สตาร์ทอัพ เพราะประเทศไทยมีความพร้อมหลายอย่าง ถ้าไม่นับเรื่องกฎหมายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เอื้อให้ สตาร์ทอัพโตได้ และประเทศไทยมีความพร้อมที่สามารถต้อนรับนักลงทุนทั้งฝั่งอเมริกาและจีนได้ดีมากในอนาคต


“สำหรับประเทศไทยเชื่อว่าจะเป็นตลาดทางเลือกที่ดี เพราะประเทศไทยมีความพร้อมหลายอย่าง” ณัฐพร กล่าวและว่า ในเรื่องของ สงครามการค้า (Trade war) และสงครามทางด้านเทคโนโลยี (Trade war) ระหว่างสหรัฐและจีนนั้น สหรัฐจะความชำนาญในการพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่นและบิสซิเนสโซลูชั่น และเชื่อว่ากลุ่มประเทศตะวันตกจะเป็นฝ่ายชนะในเรื่องของ. สงครามเทคโนโลยี (Tech war) เนื่องจากพื้นฐานการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญในการชนะสงครามทางด้านเทคโนโลยี

“สหรัฐมีความเก่งมากในการพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่น ในเรื่องของซอฟต์เทคโนโลยีของฝั่งจีนจะเก่งในเรื่องของเทคโนโลยีฝั่งกล หรือ Software embedded และมีต้นกำเนิดมาจากอุตสาหกรรมโรงงาน จีนเค้าเก่งเรื่องของการเอาซอฟต์แวร์พื้นฐานผสมกับวงจนพื้นฐานทำเป็นเครืาองมือเครื่องใช้ เช่น อุปกรณ์ Internet of thing (IoT) จีนมีการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มาประดิษฐ์เป็นสินค้าใหม่คือ Artificial Internet of thing (AIoT) เช่นอุปกรณ์อุปกรณ์น้ำไฟในบ้านของเสี่ยวมี่” ณัฐพร กล่าวและว่า

นอกจากนี้บริษัทอารีบาบา มีการพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถผลิตเวื้อได้ไม่ซ้ำแบบโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) และ Machine learning มาช่วยในการผลิตสินค้า

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแม้ทั้งสองประเทศจะมีการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี แต่ในทางกลับกันทางด้านบุคคลากรทั้งสองประเทศมีการเพิ่งพากันเนื่องจาก จีนส่งคนไปเรียนสหรัฐและสหรัฐก็มีการส่งคนมาเรียนที่จีน

“ผมเชื่อว่าไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร วงการวิชาการและนักพัฒนาเพราะ สองวงการนี้เขาจะมีคบามเชื่ออยู่ข้อหนึ่ง คือการแบ่งปัน (Sharing) เพราะว่าวงการนี่แข็งแรงและไปได้ อย่างไรก็ตาม ผมเข้าใจว่าทางสหรัฐกับทางจีนจะต้องหาข้อตกลงอีกมากในมิติของ trade war และ tech war” ณัฐพร กล่าว

สำหรับทิศทางเทคโนโลยีของสหรัฐและจีนนั้น ณัฐพร กล่าวว่า เทคโนโลยีของสหรัฐจะเน้นทางด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่หรือเอ็นเตอร์ไพร์ส คือเป็นเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะทางในขณะที่จีนจะเน้นที่ เทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตประจำวันของคน (Life style)

“ยอดดุลการค้าของสหรัฐกับจีนที่ผ่านมาสหรัฐมียอดได้ดุลการค้ากับจีนมาตลอด จนช่วงปี ค. ศ. 1998 เป็นช่วงที่

จีนได้เปรียบดุลย์การค้ากับสหรัฐอเมริกาและมียอดการค้าในตลาดโลกที่สูง สิ่งนี้ทำให้ทรัมป์รู้สึกว่าตัวเองสูญเสีย ตัวเองรายรับหาย ตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบ เขาก็เลยตั้งกฎเรื่องของการเทรดเรื่องของการค้ามาใหม่และมีการตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าจากจีนมากกว่า 10,000 รายการ”ณัฐพร กล่าว

นอกจากนี้สหรัฐยังพบว่ามีหลายแอพพลิเคชั่นจากจีน อาทิ WhatApp WeChat และนำเอาข้อมูลผู้ใช้งานสหรัฐไปวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำสินค้าเข้ามาขายในสหรัฐทำให้รัฐบาลสหรัฐมีการสั่งห้ามพนักงานของรัฐบาลใช้อุปกรณ์และโทรศัพท์มือถือจากจีน  อย่างไรก็ตามในแง่ของนักวิชาการ นักวิชาการสหรัฐยังมีการแลกเปลี่ยนวิชาการระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง

ณัฐพร กล่าวว่า สหรัฐมีจุดเด่นการพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่น และการพัฒนาชิบเซ็ตรองรับตลาดโลก

ขณะที่จีนมีต้นกำเนิดมาจากอุตสาหกรรมโรงงาน มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) แมชซีน เลิร์นนิ่ง (Machine Learning) และสามารถผลิตสินค้าจำนวนมากในช่วงระยะเวลาอันสั้น ในการแก้ปัญหาความยากจนนะครับของประเทศจีน ที่เขาจะมีแผนสิ้นสุดก็คือ 2025 


เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com 

facebook : TNNThailand 

facebook live : TNN Live 

twitter : @TNNThailand 

Line : @TNNONLINE 

Youtube Official : TNNThailand 

Instagram : @tnn_online 

TIKTOK : @tnnonline

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง