ดีเอสไอ จับมือ สวทช. ร่วมวิจัยและพัฒนาเพิ่มศักยภาพสอบสวนคดีพิเศษ
พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า อาชญากรรมพิเศษเป็นคดีที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคม เศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลากหลายแขนงมาช่วยสนับสนุนในการดำเนินการป้องกันและปราบปราม กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ กับสวทช. เพื่อร่วมกันยกระดับความร่วมมือที่มีอยู่ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นก่อให้เกิดการประสานพลัง ทางวิชาการจากศาสตร์แขนงต่างๆ ในการพัฒนาองค์ความรู้เครื่องมืออุปกรณ์ และระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพสูง เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดเป็นนวัตกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่มีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจสืบสวนสอบสวนรวมทั้งสามารถขยายเครือข่ายความร่วมมือเพื่อรองรับกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตช่วยในการนำความยุติธรรมและความสงบสุขให้สังคมไทยต่อไป
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุลผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่าความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีครั้งนี้ สวทช. โดยศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (National Security and Dual-Use Technology Center: NSD) ร่วมมือสนับสนุนการวิจัยและพัฒนากับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2563 – 2566) เพื่อการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือสำหรับการสืบสวนสอบสวน และการพิสูจน์หลักฐานในการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของการปฏิบัติงานสืบสวน สอบสวนคดีพิเศษและงานด้านความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งดำเนินพันธกิจในการสร้างเครือข่ายด้านความมั่นคงของประเทศโดยศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศฯ สวทช.ได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายและสนับสนุนความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาในส่วนของวิชาการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งในส่วนของการเป็นที่ปรึกษา แลกเปลี่ยนความรู้บุคลากร ตลอดจนการสัมมนาวิชาการและประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษในอนาคตอันใกล้เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้องค์ความรู้ด้านการพิสูจน์หลักฐานสำหรับตรวจสอบข้อมูลต่างๆด้วยเทคโนโลยีที่แม่นยำและเกิดประโยชน์และความยุติธรรมต่อสังคมต่อไป