รีเซต

มหกรรมแก้ ‘หวยแพง’ ดึงดิจิทัลตัดวงจรขายเกิน80บ. ทำได้จริง หรือแค่จกตา!!

มหกรรมแก้ ‘หวยแพง’ ดึงดิจิทัลตัดวงจรขายเกิน80บ. ทำได้จริง หรือแค่จกตา!!
มติชน
10 มกราคม 2565 ( 09:11 )
68
มหกรรมแก้ ‘หวยแพง’ ดึงดิจิทัลตัดวงจรขายเกิน80บ. ทำได้จริง หรือแค่จกตา!!

“หวยแพง” หรือการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาเกินกำหนด เป็นโจทย์ที่ภาครัฐไม่สามารถแก้ได้ หมักหมมเป็นปัญหาของสังคมไทยจนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วแก้ได้ หรือเลือกไม่แก้กันแน่!!

 

แนวทางที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลดำเนินการแก้ไข เริ่มตั้งแต่การเพิ่มจำนวนสลากเป็น 100 ล้านใบ การสร้างฐานข้อมูลผู้ค้าผ่านระบบการซื้อ-จองสลากล่วงหน้า การปรับสูตรการพิมพ์สลากเป็นแบบคละเลขเพื่อป้องกันการรวมชุด และการเปิดจุดขายสลาก 80 บาท ผลดำเนินงานทำให้ราคาสลากในตลาดลดลงเหลือ 80 บาท ในระยะสั้นๆ ต่อมาก็กลับไปราคาสูงเหมือนเดิม เฉลี่ยใบละ 100 บาท

 

⦁กองสลากฯงัด3ทางคุมราคา80บ.
ที่ผ่านมาสำนักงานสลากได้รับการร้องเรียนปัญหาสลากเกินราคามาต่อเนื่องและยาวนาน ขณะเดียวกันยังมีผู้ร้องเรียนไปถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรด้วย ทำให้รัฐบาลหันมาสนใจอีกครั้ง พร้อมมอบหมายให้สำนักงานสลากทำการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนในที่สุด เมื่อเดือนธันวาคม 2564 สำนักงานสลากได้ทำการแถลงข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาอย่างเป็นทางการ

 

ประกอบด้วย 3 แนวทางคือ 1.การขยายจุดขายสลาก 80 บาท ให้ครบ 1,000 จุดทั่วประเทศให้ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 2.การรื้อระบบผู้ซื้อ-จองสลากล่วงหน้า เปิดให้ลงทะเบียนใหม่ทั้งรายเก่าและรายใหม่ จำนวน 2 แสนคน โดยรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2565 พร้อมทั้งการอนุญาตให้ผู้ค้าสามารถขายสลากผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวได้ และ 3.การสร้างแพลตฟอร์มการขายสลากออนไลน์ โดยสำนักงานสลากจะเป็นผู้ดูแลเองทั้งหมด และเปิดให้ผู้ค้าขายสลากบนแพลตฟอร์มนี้ได้ด้วยเช่นกัน

 

นอกจากนี้ ในการแก้ไขปัญหาระยะยาว สำนักงานสลากจะพิจารณาออกผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมทำประชาพิจารณ์ และต้องเสนอต่อกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติจึงจะดำเนินการได้

 

⦁มองน้ำหนักเบาเข้าไม่ถึงปัญหา
ด้าน ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาของสำนักงานสลากว่า ประการแรก การเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ถือว่ามีน้ำหนักน้อยมาก เนื่องจากมีการขยายเพียงแค่ 1,000 จุดทั่วประเทศ หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ค้าสลากที่มีอยู่หลายแสนรายแล้วถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำมาก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ขายและจำนวนสลากเอง ถือว่ายังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะมีอิทธิพลให้ราคาสลากในตลาดลดลงได้ และจำนวนจุดที่มีอยู่น้อย ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงยาก รวมถึงการจูงใจผู้ค้าอาจไม่เพียงพอที่จะชวนผู้ค้ามาเข้าร่วมโครงการนี้ แม้จะได้สลาก 25 เล่ม ต้องขายในราคา 80 บาท แต่ถ้าทำแล้วได้กำไรน้อยกว่า การรับซื้อมาจากผู้ค้าส่งมาขายเกินราคา ผู้ค้าก็เลือกเส้นทางเดิมมากกว่า

 

ประเด็นที่สองคือ การเปิดรับสมัครผู้ค้า สิ่งสำคัญคือสำนักงานสลากควรหาวิธีทำให้ผู้ค้าสลากเข้าสู่ระบบให้ได้ทั้งหมด โจทย์การแก้ปัญหาไม่ใช่เพียงให้ผู้ค้าทำการลงทะเบียน แต่ควรมีความเข้มงวด คัดกรองหาผู้ค้าตัวจริง และมีกระบวนการตรวจสอบได้ข้อมูลว่าไม่เป็นบุคคลต้องห้าม เป็นข้าราชการ เป็นแรงงานในระบบประกันสังคม หรือไม่เป็นนอมินีของผู้ค้าส่ง ไม่เช่นนั้นเมื่อได้สลากไปจะไม่ได้ขายตรงต่อผู้บริโภคจริงเสียที

 

ทั้งนี้ พบว่าสำนักงานสลากไม่ได้เข้าไปจัดการกับสลากโควต้าการกุศล จำนวน 30% ของสลากทั้งหมด ซึ่งกลุ่มนี้มีโอกาสนำไปขายต่อให้ผู้ค้าส่งได้ ถ้าสำนักงานสลากไม่จัดการกับผู้ค้านอกระบบและปล่อยให้มีการขายส่งได้ปัญหานี้จะยังอยู่เหมือนเดิม เพราะคนที่อยากเริ่มต้นขายสลาก แต่ไม่มีโควต้าจะไปซื้อจากตลาดขายส่งมาเดินขาย เป็นวงจรที่วนซ้ำอยู่กับที่ ทางแก้ไขเรื่องนี้คือต้องหาวิธีการทำให้มีผู้ค้าสลากระบบเดียวที่เป็นผู้ค้าของสำนักงานสลากโดยตรง ถึงจะควบคุมได้ทั้งหมด หากทำไม่ได้ปัญหาการควบคุมราคาจะยังคงอยู่เช่นนี้

 

ประเด็นที่สามคือ การขายสลากบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่วนนี้สำนักงานสลากยังไม่มีแนวทางชัดเจนว่าจะมีผู้ค้าจำนวนเท่าไหร่ที่เข้าสู่ระบบการขายออนไลน์ หลักคิดคล้ายกับจุดขายสลาก 80 บาท คือจำนวนผู้ค้าและจำนวนสลากถ้าไม่เยอะพอก็ไม่สามารถทำให้ราคาสลากในตลาดปรับลดลงได้ และอาจจะมีผู้ค้าเข้ามาขายน้อย เพราะการขายแบบเดิมยังคงทำกำไรได้มากกว่า หากต้องการให้มาตรการนี้ได้ผลควรต้องมีผู้ค้าและสลากจำนวนมาก และมีการวางแผนที่ชัดเจนในการเคลื่อนย้ายผู้ค้าเข้าสู่แพลตฟอร์มให้ได้

 

⦁ทางแก้แค่ต้อนผู้ค้าเข้าระบบให้หมด
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเสนออีกว่า สำหรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต้องดูว่าสำนักงานสลากจะเลือกออกผลิตภัณฑ์แบบไหน และมีวัตถุประสงค์อย่างไร เพราะถ้าจะทำสลากชนิดใหม่เพื่อเป็นสินค้าทดแทนและลดจำนวนสลากเดิมลง รวมถึงผลักดันผู้ค้าให้เข้าสู่การขายผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น หลักการสำคัญคือจะต้องไม่เป็นการก่อปัญหาเพิ่มมากขึ้น ในเรื่องของการพนันคือไม่มีผู้ติดการพนันเพิ่มขึ้น ไม่ให้พฤติกรรมเล่นพนันมีความถี่มากกว่าเดิม ไม่เข้าถึงง่ายเกินไปจนเด็กและเยาวชนติดการพนัน

 

ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาของสลากเดิมอาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ทำให้ผู้ค้าเข้าสู่ระบบได้ทั้งหมด น่าจะเป็นโจทย์สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้ ต้องนำผู้ค้าเข้าสู่ระบบการขายแบบออนไลน์ เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลจะควบคุมการขายสลากให้อยู่ในราคาที่กำหนดได้ สามารถตรวจสอบธุรกรรมการซื้อขาย ถือว่าสำนักงานสลากอาจขยับตัวช้าเกินไปที่จะเริ่มระบบแพลตฟอร์มออนไลน์

 

“แนวทางแก้ไขทั้งหมดของสำนักงานสลากนั้นดูมีน้ำหนักน้อยไป และการบริหารจัดการยังดูเป็นแบบกล้าๆ กลัวๆ รวมทั้ง 3 แนวทางที่ออกมานั้นไม่มีการร้อยเรียงกัน ไม่เป็นจิ๊กซอว์ต่อเข้ากัน จึงไม่เห็นว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างไร นอกจากนี้ ในความเป็นจริงสลากเป็นสินค้าทางการเมือง มีผู้มีอิทธิพลและผลประโยชน์ทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง น่าเห็นใจว่าสำนักงานสลากไม่มีบารมีเพียงพอจะจัดการปัญหาได้เต็มที่ ทำแค่ในขอบเขตอำนาจกฎหมายที่กำหนด ดังนั้น รัฐบาลควรสนับสนุน เปิดไฟเขียวแรงๆ ให้สำนักงานสลากแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังจึงจะช่วยแก้ไขได้” ธนากรสรุปทิ้งท้าย

 

การแก้ปัญหา “หวยแพง” ของสำนักงานสลาก จะตรงจุด เห็นผล หรือจะจกตาซ้ำแผลเดิมจนเรื้อรังไม่จบสิ้น มาลุ้นกันสักตั้ง!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง