รีเซต

ตัดวงจร‘หวยแพง’ มหากาพย์สูบเลือดคนไทย พึ่งเทคโนโลยี-ผลิตภัณฑ์ใหม่

ตัดวงจร‘หวยแพง’ มหากาพย์สูบเลือดคนไทย พึ่งเทคโนโลยี-ผลิตภัณฑ์ใหม่
มติชน
18 เมษายน 2565 ( 09:24 )
55

การเดินทางอันยาวนานของปัญหา สลากกินแบ่งรัฐบาลขายเกินราคาที่กำหนดไว้ ที่ 80 บาท หรือที่เรียกว่า “หวยแพง” นั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลหลายยุค ผู้บริหารและกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหลายสมัย ต้องฝ่าฟันกันอย่างยากลำบาก กระทั่งเดือนมกราคม 2565 ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิเศษ คำสั่งตรงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพื่อดูแลและหาทางแก้ไขปัญหาหวยแพงในครั้งนี้!!

 

คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล มี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ ทั้งนี้ ยังแต่งตั้งอนุกรรมการอีกหลายชุด เพื่อแบ่งการทำงานเป็นหลายด้าน ได้แก่ อนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา คณะกรรมการด้านกฎหมาย และคณะกรรมการด้านประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการชุดนี้ได้มีการประสานร่วมกับ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ก็มีภารกิจในการแก้ไขปัญหาหวยแพงเช่นกัน

 

⦁ล้างระบบ100%หาคนขายจริง
แผนงานในการแก้ปัญหาหวยแพง ของสำนักงานสลากฯ เริ่มตั้งแต่การล้างระบบผู้ค้าสลาก หมายถึง ผู้ขายรายย่อยที่มีสิทธิซื้อจองสลาก เพื่อขายปลีกที่มีสิทธิได้รับโควต้าสลากงวดละ 5 เล่ม หรือ 500 ใบ โดยการลงทะเบียนใหม่นั้น เปิดรับจำนวน 2 แสนสิทธิ ทั้งนี้ ได้ปิดรับลงทะเบียนไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 พบว่า มีผู้ค้าเข้าร่วมกว่า 1 ล้านราย แบ่งเป็นผู้ค้าสลากเดิมที่อยู่ในระบบจำนวน 1.3 แสนราย และเป็นรายใหม่ จำนวน 8.7 แสนราย นอกจากนี้ ยังขยายการคัดกรองไปถึงผู้ค้าในกลุ่มตัวแทนจำหน่าย อาทิ มูลนิธิ องค์กรการกุศลที่ปัจจุบันถือครองสลากอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านใบ จาก 100 ล้านใบต่องวดด้วย เพื่อค้นหาผู้ค้าตัวจริง ที่ขายโดยตรงถึงมือประชาชนในราคาไม่เกิน 80 บาท

 

มีขั้นตอนการคัดเลือก 4 วิธี ได้แก่ 1.การคัดกรองโดยให้ผู้ซื้อยืนยันการขายในราคา 80 บาท ผ่านคิวอาร์โค้ด 2.ให้มีการซื้อขายผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” 3.ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ส่งรายชื่อผู้ค้าตัวจริงในพื้นที่ เพื่อนำมาใช้ในการคัดกรอง และ 4.ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจภูธร 9 ภาค และนครบาลทั่วประเทศ ในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลผู้ค้าในพื้นที่รับผิดชอบ

 

อย่างไรก็ดี ตามที่ผู้ค้าร้องเรียนมาว่า เตรียมความพร้อมในเรื่องการสแกนคิวอาร์โค้ด และขายผ่านแอพพ์เป๋าตังไม่ทันนั้น สำนักงานสลากฯ ได้มีการเลื่อนระยะเวลาคัดกรองผู้ค้า จากเดิมกำหนดเริ่มในงวดวันที่ 16 มีนาคม-16 เมษายน 2565 ออกไปก่อน เพื่อทดสอบระบบ และให้ผู้ค้าเตรียมตัว หลังจากนั้นจึงจะมีการกำหนดเวลาคัดกรองผู้ค้าตัวจริงอีกครั้ง

 

ส่วนการตรวจสอบผู้ค้ารายใหม่ 8.7 แสนรายนั้น เนื่องจากมีจำนวนมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้มาก จึงใช้เวลาการคัดกรองมากขึ้น ซึ่งจะต้องมีการเปรียบเทียบข้อมูล ทั้งจากกรมการปกครอง กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มาประกอบการพิจารณาด้วย ทำให้กระบวนการคัดกรองผู้ค้าสลากตัวจริงเลื่อนออกไป และไม่ทันเริ่มขายในงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565

 

รวมถึงการจัดการกับผู้ค้าที่ทำผิดเงื่อนไข ได้แก่ 1.การขายเกิน 80 บาท ซึ่งมีโทษทางกฎหมาย และ 2.การขายส่ง ซึ่งมีโทษสูงสุดคือ การตัดสิทธิในการซื้อจองสลาก โดยในปี 2563-2564 ที่มีวิกฤตของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้การค้าขายปรับตัว การขายสลากก็เช่นกัน จึงเกิดแพลตฟอร์มดังๆ หลายเจ้า ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางขายสลาก อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มก็มีการขายสลากเกินราคา แถมยังมีลักษณะการรวมสลากมาขายบนแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการขายส่งได้ โดยทีมเฉพาะกิจได้บุกค้นไปแล้ว 2 แพลตฟอร์มใหญ่ พบสลากของกลางถึง 6.74 ล้านใบ ด้านสำนักงานสลากฯตัดสิทธิผู้ค้าที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 8,900 ราย และคาดว่าจะมีการตัดสิทธิเพิ่มเติมจากอีกแพลตฟอร์มไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นราย

 

⦁ใช้‘เป๋าตัง’สู้หวยออนไลน์
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการคนรุ่นใหม่ และเป็นการแก้ไขปัญหาสลากแพงไปในคราวเดียวกัน สำนักงานสลากฯมีแผนในการขยับขยาย มาเปิดแพลตฟอร์มกลาง สำหรับการขายสลากอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ดูแลโดยสำนักงานสลากฯ ซึ่งผู้ได้รับคัดเลือกรอบใหม่มีสิทธิเลือกขายบนแพลตฟอร์มนี้ ในราคาไม่เกิน 80 บาท ผ่านแอพพ์ “เป๋าตัง” ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวในต้นเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนหลายรายเปิดธุรกิจจำหน่ายหวยออนไลน์

 

อีกแผนงาน ที่สำนักงานสลากฯพยายามผลักดัน คือ จุดขายสลาก 80 บาท จูงใจผู้ค้าด้วยการให้โควต้าพิเศษหลังจากเข้าร่วมโครงการด้วยการเพิ่มสลากเป็นงวดละ 25 เล่ม หรือ 2,500 ใบ ตั้งเป้าหมายให้เกิดขึ้น ในแต่ละเขตหรืออำเภอละ 1 จุด รวมไม่ต่ำกว่า 1,000 จุด กระจายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายในงวด 16 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมาได้นำร่องในพื้นที่ส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร และนนทบุรี) แล้ว ปัจจุบันมี 78 จุด และมีการคัดเลือกตัวแทนผู้ค้าในพื้นที่ส่วนกลางปริมณฑล และภาคกลาง ชัดเจนแล้วอีก 151 จุด คาดว่าจะเริ่มขายในงวดวันที่ 2 พฤษภาคมนี้

 

⦁ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เขย่าตลาด
แผนงานสุดท้าย ที่ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในปี 2565 นี้คือ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่โดยแนวคิดนั้น มีการศึกษาในหลายรูปแบบ เช่น สลากเลข 2 ตัว 3 ตัว สลากรูปภาพ 12 นักษัตร เป็นต้น ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเดินสายเพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มในครึ่งหลังของปีนี้ หลังประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เมื่อแล้วเสร็จจึงนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ตามลำดับ จึงประมาณการว่า จะได้เห็นและเริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ให้ประชาชนทั่วไป ได้ในปี 2566

 

ทั้งนี้ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ไม่ใช่แนวทางใหม่เสียทีเดียว เนื่องจากมีงานด้านวิชาการจากมหาวิทยาลัยในไทยที่เชื่อถือได้ ได้ทำการศึกษาไว้ ในโครงการจำหน่ายสลากเลข 2 ตัว 3 ตัว เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว หรือหวยบนดินที่มีผลอย่างเห็นได้ชัดว่า ช่วยแก้ไขปัญหาหวยแพง รวมทั้งช่วยปราบหวยใต้ดินได้ แต่ด้วยปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องทางการเมืองทำให้โครงการนี้ได้ปิดตัวลง และเหลือเพียงสลากกินแบ่งรัฐบาลเช่นปัจจุบันนี้

 

การเดินทางของหวยแพงจะจบลงจริงๆ หรือแค่เปลี่ยนมือพวกปลิงสูบผลประโยชน์ เอาเปรียบคนไทย เดี๋ยวรู้กัน!!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง