NERออเดอร์ต่างแดนดัน ไตรมาสแรกกำไร27.97%
#NER #ทันหุ้น – NER อวดงบไตรมาส 1/2565 กำไรพุ่ง 27.97% ที่ 468.89 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 5,592.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.68%จากคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นและคุมต้นทุนได้ดี พร้อมอัดฉีดงบ 450 ล้านบาท เดินหน้าขยายกําลังการผลิตยางพารา แผ่นปูรองปศุสัตว์ ฟากโบรกไตรมาส 1/2565 ตามคาด ประเมินผลงานยังเติบโตได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มราคายางที่ยังจะยืนอยู่ในระดับสูง เคาะพื้นฐาน 10 บาท
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 468.89ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.94%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.266 บาทต่อหุ้น
*ออเดอร์ต่างแดนพุ่ง
สำหรับปริมาณขายอยู่ที่ 96,350 ตัน เพิ่มขึ้น 6,609 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 7.36% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 5,592.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 629.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.68% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 3,222.30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57.62% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 2,370.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.38% ของยอดขายรวม โดยยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 862.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.18%
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ในไตรมาส 1/2565เพิ่มขึ้นมาจากการที่บริษัทได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยด้านปริมาณขายและราคาขายที่ขยับตัวสูง แบ่งเป็นผลต่างปริมาณเพิ่มขึ้นที่ 205.91 ล้านบาท และผลต่างราคาปรับตัวสูงขึ้นที่ 423.61 ล้านบาท นอกจากนี้ต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทลดลงเกิดจากการบริหารการซื้อและใช้วัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารความเหมาะสมระหว่างราคาซื้อและราคาขายได้ค่อนข้างดี ประกอบกับการปรับตัวของราคายางพาราในทิศทางขาขึ้นส่งผลดีกับผลการดำเนินงานของบริษัท
*ขยายการลงทุนอัพฐาน
นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายการเติบโตในอีก 9 เดือนว่าบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 540 ล้านบาท เพื่อขยายกําลังการผลิตยางพารา แผ่นปูรองปศุสัตว์ งบวิจัยและพัฒนาสินค้าปลายน้ำ พร้อมแผนลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายบริษัท
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมยางพาราธรรมชาติอยู่ในช่วงฟื้นตัว ก่อนหน้านี้เกิดมาจากซัพพลายของอินโดนีเซียที่หายไป และคาดว่าอีก 3 ปี จะมีซัพพลายออกมาในตลาด รวมทั้ง อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากรถไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีน เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและเจาะตลาดรถยนต์ได้ในหลายประเทศ
*Q1 กำไรตามคาด
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง NER ว่า บริษัทรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 469 ล้านบาท (+28% YoY,-22% QoQ) ใกล้เคียงตลาดคาด ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 436 ล้านบาท (+5% YoY,-20%QoQ) คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565/2566 อยู่ที่ 2,216 ล้านบาท (+20%YoY) และ 2,669 ล้านบาท (+21% YoY)
จากสมมติฐาน 1.Gross Margin ปี 2565/2566 จะอยู่ที่ 12.6% และ 12.9% โดยปี 2566 สูงกว่าจากการรับรู้รายได้ธุรกิจแผ่นปูนอนวัวมากขึ้น 2.ราคาขายเฉลี่ยปี 2565/2566 ขึ้นเป็น 55.0 บาทต่อกก. 3.ปริมาณขายยางธรรมชาติปี 2565/2566 อยู่ที่ 500,000 ตัน และ 550,000 ตัน โดยประมาณการมี Upside จากแนวโน้มปริมาณขายยางและราคาขายที่มากกว่าคาด
คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง 2PER ปี 2565 ที่ 8.0 เท่า (+0.75SD Above 5-Yr Average PER) โดยมองว่าผลการดำเนินงานของบริษัทยังเติบโตได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มราคายางที่ยังจะยืนอยู่ในระดับสูง ผลจาก Supply ที่หายไปของประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงปริมาณการขายของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มได้ต่อเนื่องจากกาลังการผลิตที่มากขึ้น