รีเซต

ง่วงตลอดเวลา นอนมากเกินไป คือสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ

ง่วงตลอดเวลา นอนมากเกินไป คือสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ
TNN ช่อง16
27 ตุลาคม 2568 ( 13:14 )
11

การนอนหลับ เป็นการพักผ่อนร่างกายและจิตใจ การนอนหลับในระยะเวลาที่เหมาะสมช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า เสริมสร้างความแข็งแรงของการทำงานในทุกระบบของร่างกาย รวมไปถึงสมาธิ ความจำ และอารมณ์ ในทางกลับกัน การนอนหลับในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจเป็นสัญญาณของโรคที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับผิดปกติบางชนิด


ทำความรู้จักโรคง่วงนอนมากผิดปกติ

โรคง่วงนอนมากผิดปกติ (Hypersomnia) เป็นกลุ่มโรคที่ผู้ป่วยมีปัญหาง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงเวลาที่ควรตื่นตัวได้ดี ได้แก่ช่วงเวลากลางวัน ผู้ป่วยมักมีอาการง่วง เผลอหลับหรืองีบหลับระหว่างวัน ฝืนให้ตื่นไม่ได้ แม้ว่าช่วงกลางคืนจะนอนหลับได้อย่างเพียงพอแล้วก็ตาม บางครั้งรุนแรงถึงระดับที่เผลอหลับในขณะรับประทานอาหาร ทำงาน พูดคุยกับผู้อื่น หรือขับรถซึ่งนอกจากจะกระทบกับการใช้ชีวิต ประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังอาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่รุนแรงตามมา


สาเหตุของอาการง่วงนอนมากผิดปกติ

อาการง่วงนอนมากผิดปกติระหว่างวัน อาจมีสาเหตุได้จากทั้งโรคทางกาย โรคทางจิตใจ โรคความผิดปกติของคุณภาพการนอนหลับ รวมไปถึงพฤติกรรมการนอนพักผ่อนในช่วงกลางคืนที่ไม่เหมาะสม เช่น


-โรคที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับที่ผิดปกติ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น โรคขากระตุกผิดปกติขณะหลับ

-กลุ่มโรคนาฬิกาชีวิตแปรปรวน (circadian sleep wake rhythm disorder) ทำให้เวลาเข้านอนและตื่นนอนผิดปกติ ทั้งนี้ยังรวมไปถึง การเดินทางไปต่างประเทศที่มีการเปลี่ยนเวลาที่ต่างกันมาก ๆ และการทำงานเป็นกะ

-ภาวะอดนอนสะสม ซึ่งรวมถึงการมีสุขนิสัยการนอนหลับที่ไม่เหมาะสม

-โรคนอนไม่หลับ ซึ่งส่งผลให้มีจำนวนชั่วโมงการนอนไม่เพียงพอ

-ในกลุ่มระบบประสาทส่วนกลางที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการควบคุมการตื่นตัวของสมอง เช่น โรคลมหลับ (narcolepsy) อุบัติเหตุการกระทบกระเทือนของสมอง (head injury)

-การใช้ยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ ยาแก้ปวดบางชนิด


ผลเสียของโรคง่วงนอนมากผิดปกติ

อาการง่วงนอนมากผิดปกติสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจในหลายด้าน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน และความสัมพันธ์กับผู้อื่น       


-ผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมองที่เฉื่อยชา ตื่นตัวลดลง สมาธิและความจำบกพร่อง

-รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน

-เมื่อเหนื่อยล้าและมีกิจกรรมทางกายในระหว่างวันที่ลดลง สามารถส่งผลต่อการเผาผลาญของร่างกายและอาจนำไปสู่โรคอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ

-เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความง่วงนอนระหว่างวัน เช่น อุบัติเหตุจากยานพาหนะ หรืออุบัติเหตุจากการใช้เครื่องจักรขณะที่สมองไม่ตื่นตัวเต็มที่

-กระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและคนรอบข้าง

-อัตราการตายสูงขึ้นในรายที่นอนมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน เมื่อเทียบกับผู้ที่นอน 7-8 ชั่วโมงต่อวัน


การตรวจวินิจฉัยโรคง่วงนอนมากผิดปกติ


หากแพทย์ประเมินแล้วว่าอาการง่วงนอนมากผิดปกติระหว่างวันอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการควบคุมการตื่นตัวของระบบประสาทส่วนกลาง แพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจเพื่มเติม ได้แก่


-ตรวจประเมินวงจรการหลับ-ตื่น ด้วย actigraphy

-ตรวจประเมินคุณภาพการนอนหลับด้วย polysomnography หรือ sleep test

-ตรวจประเมินความรุนแรงของอาการง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงกลางวันด้วย multiple sleep latency test (MSLT)

-ตรวจเลือด น้ำไขสันหลัง หรือเอ็กเรย์สมอง ในบางรายที่แพทย์พิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็น


วิธีป้องกันปัญหาง่วงนอนมากผิดปกติในระหว่างวัน

-เข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาสม่ำเสมอทุกวันทั้งวันทำงานและวันหยุด โดยในวัยผู้ใหญ่แนะนำให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอที่ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน หากตื่นแล้วให้ลุกจากเตียง ไม่ต่อเวลาในการนอนออกไปอีก

-หลีกเลี่ยงการนอนตอนกลางวัน หรือหากงีบกลางวันไม่ควรเกิน 20-30 นาที และไม่ช้ากว่า 14.00 น เนื่องจากจะส่งผลให้นอนหลับยากในช่วงกลางคืนและวงจรการนอนหลับผิดปกติตามมา

-หากมีปัญหาด้านการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับได้ไม่ต่อเนื่อง มีอาการนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป

-หากจำเป็นต้องรับประทานยาที่มีผลกับการตื่นตัวหรือการนอนหลับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการบริหารยาในช่วงเวลาที่เหมาะสม

-ออกกำลังกายและรับแสงสว่างระหว่างวันอย่างเพียงพอเพื่อกระตุ้นการตื่นตัวที่ดี และหลีกเลี่ยงการรับแสงที่มากไปในช่วงกลางคืน เช่น การใช้จอจากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ เนื่องจากจะรบกวนการสร้างฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดีตามมา


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง