“นอนห้องร้อน” อาจทำให้เสี่ยงเบาหวานมากขึ้น งานวิจัยชี้ห้องเย็นช่วยเผาผลาญดีขึ้น

หลายคนอาจคิดว่าแค่ปรับอุณหภูมิห้องนอนให้เย็นสบายเป็นเรื่องของความสะดวกสบายในการนอนหลับเท่านั้น แต่การศึกษาล่าสุดกลับบอกเราว่า เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับ “ความเสี่ยงโรคเบาหวาน” โดยตรง
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetes พบว่า การนอนหลับในห้องที่เย็นลงเล็กน้อย ช่วยเพิ่มมวลและการทำงานของ “เนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญพลังงานและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ตรงกันข้าม หากเราอยู่ในห้องที่อุ่นหรือร้อนเกินไป เนื้อเยื่อชนิดนี้กลับถูกกดการทำงานลง ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง และอาจนำไปสู่ภาวะดื้อต่ออินซูลินที่สัมพันธ์กับโรคเบาหวาน
นักวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) ทดลองกับอาสาสมัครชายสุขภาพดีจำนวน 5 คน โดยให้พวกเขานอนในห้องควบคุมอุณหภูมิเป็นเวลา 4 เดือน พบว่า หลังจากนอนที่อุณหภูมิ 66 องศาฟาเรนไฮต์ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ ปริมาณเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และความไวต่ออินซูลินดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่เมื่ออุณหภูมิถูกปรับขึ้นไปที่ 81 องศาฟาเรนไฮต์ กลับทำให้เนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลถูกกดลง
ดร. ฟรานเชสโก เอส. เชลี หัวหน้าทีมวิจัย อธิบายว่า แม้งานวิจัยนี้ทำในกลุ่มอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี แต่ถือเป็นหลักฐานสำคัญว่า การกระตุ้นเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลอาจช่วยลดความเสี่ยงเบาหวานได้ ในทางกลับกัน หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนเกินไปบ่อยครั้ง ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพการเผาผลาญแย่ลงและเสี่ยงโรคเมตาบอลิกเพิ่มขึ้น
การเลือกอุณหภูมิห้องนอน ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสบาย แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพการเผาผลาญในระยะยาว หากไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน การปรับห้องนอนให้เย็นลงเล็กน้อย อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการนอนในห้องที่ร้อนอบอ้าว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
