ส่องเทรนด์เสพสื่อผ่านออนไลน์ ‘ชอบฟังข่าวจากอินฟูลฯ - ไม่ไว้ใจ AI สร้างเนื้อหา’
วันนี้ ( 17 มิ.ย. 67 )รายงานที่เผยแพร่โดยสถาบันรอยเตอร์เพื่อการศึกษาด้านวารสารศาสตร์ (Reuters Institute for the Study of Journalism) พบว่า คนทั่วโลกกังวลกันมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ AI ในการผลิตข่าว และการเผยแพร่ข่าวปลอม ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ ๆ สำหรับสำนักข่าวต่าง ๆ ที่ก็ประสบปัญหาอยู่แล้วในการดึงดูดผู้อ่าน และผู้ชม
รายงานข่าวดิจิทัลประจำปี (Digital News Report) ของสถาบันฯ โดยใช้ผลสำรวจจากประชาชนเกือบ 100,000 คนใน 47 ประเทศ แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคที่สำนักข่าวต่าง ๆ ต้องเผชิญในการหารายได้และการประคับประคองธุรกิจ
รายงานพบว่า ผู้บริโภคไม่ไว้ใจการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาข่าว โดยเฉพาะประเด็นที่ละเอียดอ่อน เช่น ข่าวการเมือง
ผลสำรวจพบว่า 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามในสหรัฐ และ 63% ในสหราชอาณาจักร รู้สึกไม่สบายใจกับข่าวที่ผลิตขึ้นด้วย AI เป็นส่วนใหญ่ รายงานนี้ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน 2,000 คนในแต่ละประเทศ โดยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกสบายใจมากกว่ากับการใช้ AI ในงานเบื้องหลังเพื่อช่วยให้งานของนักข่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายนิค นิวแมน ผู้ช่วยวิจัยอาวุโสของสถาบันรอยเตอร์และผู้เขียนหลักของรายงานข่าวดิจิทัลประจำปี กล่าวว่า น่าประหลาดใจที่เห็นระดับความไม่ไว้ใจมากขนาดนี้ คนส่วนใหญ่กลัวเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับความน่าเชื่อถือของเนื้อหาและความน่าไว้วางใจ"
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับข่าวปลอมในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น 3 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว โดย 59% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขารู้สึกกังวล ตัวเลขนี้ยิ่งสูงขึ้นในแอฟริกาใต้ที่ 81% และในสหรัฐที่ 72% เนื่องจากทั้งสองประเทศจะมีการเลือกตั้งในปีนี้
อีกหนึ่งความท้าทายที่องค์กรข่าวเผชิญคือ คนส่วนใหญ่ไม่เต็มใจจ่ายเงินเพื่อสมัครสมาชิกอ่านข่าว แม้ว่าช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จะมียอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นบ้างก็ตาม แต่จากการสำรวจใน 20 ประเทศ พบว่ามีเพียง 17% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่จ่ายเงินเพื่ออ่านข่าวออนไลน์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน บรรดาอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์ก็มีบทบาทมากกว่าองค์กรสื่อกระแสหลักในการเผยแพร่ข่าวสารไปยังผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม เช่น ติ๊กต๊อก (TikTok)
จากการสำรวจผู้ใช้ติ๊กต๊อกกว่า 5,600 คนที่ระบุว่าตนใช้แอปนี้เพื่อติดตามข่าวสาร พบว่า 57% ให้ความสนใจกับอินฟลูเอนเซอร์เป็นหลัก ส่วน 34% ระบุว่าตนติดตามนักข่าวหรือสำนักข่าวโดยตรง
ภาพจาก: AFP