รีเซต

ภาวะเครียดและซึมเศร้า ในทหารแนวหน้าชายแดน รุนแรงแค่ไหน ดูแลสุขภาพจิตอย่างไร ?

ภาวะเครียดและซึมเศร้า ในทหารแนวหน้าชายแดน รุนแรงแค่ไหน ดูแลสุขภาพจิตอย่างไร ?
TNN ช่อง16
15 สิงหาคม 2568 ( 16:15 )
16

เป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้ว นับตั้งแต่เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทย และกัมพูชาที่ช่องบก บริเวณชายแดนของสองประเทศ ระหว่างนั้นความตึงเครียดทวีความรุนแรงมากขึ้น จนนำมาสู่ทั้งการเสียชีวิตของทหาร การบาดเจ็บ ทุพพลภาพ ขาขาดจากการเหยียบกับระเบิด 

และข่าวล่าสุดของพลทหาร สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 จ.สุรินทร์ หนึ่งในพื้นที่ตึงเครียด ที่ได้ออกจากที่ตั้งพร้อมอาวุธปืน ก่อนมีการยิงชาวบ้านบาดเจ็บ หลบหนี และล่าสุดได้พบผู้ก่อเหตุเสียชีวิต โดยคาดว่าปลิดชีพตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น คาดว่าเกิดจากความเครียดของทหาร 


ความเครียดของทหาร ทหารไทยเครียดกว่ากองทัพประเทศอื่น

หลังเกิดเหตุหนีออกจากที่ตั้ง และยิงชาวบ้าน ญาติของพลทหารผู้ก่อเหตุนั้น ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่าพลทหารอาจมีอาการซึมเศร้า ทั้งพลทหารรายนี้ เป็นหนึ่งในทหารที่เคยสู้รบที่บริเวณปราสาทตาควาย ในช่วงการปะทะรุนแรง ทำให้เกิดความเครียด ทั้งในการคุยโทรศัพท์กับครอบครัวก่อนหน้านี้นั้น ก็มีการพูดว่า อยากกลับบ้าน และเครียดที่ไม่ได้กลับบ้าน

ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 เองก็แสดงความเสียใจจากเหตุการณ์ทหารยิงประชาชน และยอมรับว่าการสู้รบส่งผลสภาพจิต-เครียดของทหารด้วย 

ความเครียดในหมู่พลทหารนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการศึกษา และงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ว่า ทหารเป็นอาชีพที่มีความเครียดสูง รวมไปถึงภาวะซึมเศร้า และความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย หนึ่งในนั้นคืองานวิจัยว่าด้วยความชุก (Prevalence) ของภาวะซึมเศร้า ความคิด และความพยายามในการฆ่าตัวตาย ของทหารในกองทัพ จัดทำโดย Yousef Moradi, Behnaz Dowran และ Mojtaba Sepandi พบว่า ระดับความชุกของภาวะซึมเศร้าของประชากรทั่วไปคือประมาณร้อยละ 15-20 

แต่ความชุกของภาวะซึมเศร้าในกองทัพสูงกว่านั้น คืออยู่ที่ร้อยละ 23 และความชุกของภาวะซึมเศร้าในทหารผ่านศึก คือร้อยละ 20 นอกเหนือจากนั้น ความชุกของความคิดอยากฆ่าตัวตายในกองทัพมีอยู่ร้อยละ 11 และความชุกของความพยายามในการฆ่าตัวตายมีอยู่ร้อยละ 11 รวมไปถึงความชุกของการทำร้ายตนเองและการฆ่าตัวตายของบุคคลากรในกองทัพยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คือ ร้อยละ 11 

งานวิจัยชิ้นนี้ยังพบว่า ความชุดของภาวะซึมเศร้าของทหารไทยสูงกว่ากองทัพประเทศอื่นๆ โดยของกองทัพไทยอยู่ที่ ร้อยละ 39 มากกว่าของอังกฤษที่ร้อยละ 30, สหรัฐฯ ที่ร้อยละ 21 และเกาหลีใต้ ที่ร้อยละ 20 ด้วย 


เมื่อทหารกองหน้า ผู้ปฏิบัติการมีความเสี่ยงเครียดกว่าเดิม

ด้วยภาระงานของทหาร ที่ต้องอยู่กับกฎระเบียบตลอดเวลา และต้องห่างจากครอบครัวต่างก็เป็นปัจจัยของความเครียดแล้วนั้น ทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงภัย หรือมีการปะทะ ยิ่งมีความเครียดมากกว่าเดิม โดยเฉพาะยิ่งภารกิจกินเวลานานขึ้นเรื่อยๆ 

งานวิจัยในต่างประเทศ พบว่าทหารที่ปฏิบัติการอยู่ ณ พื้นที่การรบ นอกจากจะมีปัญหาเรื่องการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือตายแล้ว บางรายอาจมีปัญหาทางด้านสภาพจิตใจที่เป็นผลกระทบมาจากสงคราม ที่เรียกว่า ความเครียดทางจิตใจเนื่องจากการรบ (combat stress หรือ combat exhaustion หรือ battle fatigue)

ซึ่งมีอาการในสองรูปแบบทางกาย เช่นอาการปวดกล้ามเนื้อ ศีรษะ ปวดหลัง สั่น พูดตะกุกตะกัก สะดุ้งตกใจง่าย อ่อนเพลียเหม่อลอย หรือระบบต่างๆ ในร่างกายมีปัญหาเป็นต้น ส่วนอาการทางใจ และอารมณ์นั้นมีได้ทั้ง วิตกกังวล หงุดหงิด แช่งด่า บ่น โกรธเกรี้ยว สมาธิบกพร่อง ติดต่อสื่อสารลำบาก เฉื่อยชา ลังเล ไม่เด็ดขาด ขาดความเชื่อมั่นในตนเองและหน่วยของตน ไม่สนใจใยดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว นอนไม่หลับ ตกใจตื่นเพราะฝันร้าย เสียใจ รู้สึกว่าตนเองทำผิด

สำหรับไทยนั้น ก็เคยมีงานวิจัยของสมประสงค์ ศุภะวิท ที่รวบรวมข้อมูลของอาสาสมัครทหารพรานที่เคยเข้าร่วมยุทธการร่มเกล้า และช่องบก เมื่อปี พ.ศ. 2531 พบว่าการรบทำให้ทหารพรานจำนวนหนึ่งเกิดความเครียดในระดับต่าง ๆ และความเครียดทำให้เกิดอาการทางจิตใจและอาการทางร่างกายตามมา

ขณะที่อีกรายงาน เรื่องภาวะสุขภาพจิตและทัศนคติของกำลังพลกองทัพบกที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็เป็นพื้นที่ที่มีความไม่สงบต่อเนื่องยาวนานนั้น ได้สุ่มตัวอยางจากกําลังพล หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 31 จํานวน 259 ราย พบว่าในเดือนที่สามของการปฏิบัติภารกิจ ผลการสำรวจภาวะสุขภาพจิตของกำลังพลคือ 

  • มีความรู้สึกเครียดจำนวน 155 ราย (ร้อยละ 61.50) 

  • มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าจำนวน 85 ราย (ร้อยละ 34.55)

  • มีพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นจำนวน 48 ราย (ร้อยละ 19.67)

  • มีกำลังพลที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากปัญหาเรื่องเครียดจำนวน 113 ราย (ร้อยละ 45.93) 

รายงานยังสรุปว่า ทหารในกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้สึกเครียดและต้องการได้รับความช่วยเหลือ ทั้งยังแนะนำว่า ในกองทัพควรมีการอบรมและการเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพจิตให้แก่กำลังพลก่อนปฏิบัติภารกิจ รวมทั้งควรมีการประเมินภาวะสุขภาพจิตในทุกระยะของภารกิจ และมีระบบการดูแลรักษาเพื่อลดความเครียดของกำลังพลด้วย 


ความตึงเครียดไทย-กัมพูชา กับการประเมิน และดูแลสุขภาพจิตของทหาร และประชาชน

แม้ตอนนี้ความตึงเครียดจะลดลง สถานการณ์ชายแดนดีขึ้น และประชาชนในหลายพื้นที่กลับเข้าที่พัก ใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีความหวาดกลัว และปัญหาสุขภาพจิตก็เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการประเมิน และดูแลต่อเนื่อง 

ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า จากการคัดกรองผู้ได้รับผลกระทบแล้วรวม 86,854 ราย พบว่า มีจำนวนผู้มีภาวะเครียดสูงคงที่ที่ 4,537 ราย และผู้เสี่ยงฆ่าตัวตาย 499 ราย ซึ่งกระทรวงได้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด 

ขณะที่จากเหตุทหารยิงชาวบ้าน และฆ่าตัวตายนั้น ล่าสุดกองทัพบกก็ชี้แจงว่า การเข้าไปดูแลเรื่องสุขภาพจิตของกำลังพลแนวหน้าเป็นเรื่องสำคัญ และต้องทำต่อจากนี้ โดยจะมีคณะแพทย์พยาบาลที่จะคอยประเมิน ว่าใครมีความสุ่มเสี่ยง ยอมรับว่าเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา ส่งผลต่อสุขภาพจิต กองกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ได้เน้นย้ำผู้บังคับหน่วย ให้ลงไปดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทั่วถึง

ทั้งในรายงานวิจัยหลายชิ้น เกี่ยวกับความเครียดของทหารแนวหน้าในไทยยังแนะนำว่า ควรให้กำลังพลที่มีความเครียดสูง งดการใช้อาวุธ และหากเครียดมาก ควรมีการพิจารณาถึงการให้หยุดพักงาน แล้วกลับไปอยู่กับครอบครัวสักระยะหนึ่งด้วย 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง