เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (22 ก.ย.2565)

ตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวออกจากรัสเซียขายหมดเกลี้ยง และราคาพุ่งกว่า 3 เท่า ด้าน RT สื่อรัสเซีย รายงานเกิดการประท้วงในหลายเมืองของรัสเซียรวมถึงในกรุงมอสโก หลังประธานาธิบดี “ปูติน” ประกาศเรียกทหารกองหนุนรายงานตัวหลายแสนนาย เพื่อส่งไปยูเครน

ตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวออกจากรัสเซีย ขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วเมื่อวานนี้ (21 กันยายน) แม้ราคาพุ่งสูงลิ่วกว่า 3 เท่าตัว หลังจากประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย มีคำสั่งเรียกระดมพลทหารกองหนุนรายงานตัวทันที 300,000 นาย

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Aviasales เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินยอดนิยมที่สุดในรัสเซีย ระบุว่า ตั๋วเที่ยวบินจากกรุงมอสโก ไปยังนครอิสตันบูลของตุรกี และไปยังกรุงเยเรวาน เมืองหลวงอาร์เมเนีย ขายหมดเกลี้ยงในวานนี้

เที่ยวบินตรงจากมอสโกถึงอีสตันบูล เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines ถูกจองเต็มหรือไม่สามารถหาซื้อได้แล้ว ตั้งแต่เวลา 14.15 น. วานนี้ ตามเวลามอสโก ตรงกับ 18.15 น. วันเดียวกันตามเวลาในไทย ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนนี้ โดย 2 เมืองนี้ชาวรัสเซียสามารถเข้าได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า

ส่วนข้อมูลจาก Google Flights ระบุราคาตั๋วเที่ยวเดียวจากรัสเซียไปตุรกี พุ่งไปถึงเกือบ 70,000 รูเบิล หรือราว 1,150 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับราคาปกติประมาณ 22,000 รูเบิลเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Google เว็บเซิร์จเอนจิ้น พบว่า การค้นหาคำว่า Aviasales เว็บยอดนิยมในการจองตั๋วเครื่องบินของรัสเซีย ก็พุ่งสูงจนติดเทรนด์ของ Google ด้วย

ขณะที่สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ชาวรัสเซียกลัวว่าคำสั่งระดมทหารกองหนุนของผู้นำรัสเซีย จะส่งผลให้ชายชาวรัสเซียที่อยู่ในวัยสามารถถูกเกณฑ์ไปยูเครนได้ จะถูกห้ามออกนอกประเทศ

แม้ว่าทาง เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย จะยืนยันว่า ทหารกองหนุนที่ถูกเรียกตัวนั้น จำกัดเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ต่อสู้อย่างทหารอาชีพเท่านั้น และจะไม่รวมไปถึงนักศึกษาวิชาทหารและทหารเกณฑ์แต่อย่างใด

ด้านรัฐบาลรัสเซียปฏิเสธให้ความเห็นว่า จะปิดชายแดนห้ามมิให้ชายชาวรัสเซีย ที่อยู่ในข่ายถูกเรียกระดมพลครั้งนี้ ออกนอกประเทศหรือไม่ พร้อมกับขอให้ประชาชนอดทนรอจนกว่ากฎหมายใหม่ที่เรียกระดมทหารกองหนุน จะมีความชัดเจนมากกว่านี้ ส่วนสำนักงานการท่องเที่ยวของรัสเซียยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการห้ามชาวรัสเซียเดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน สำนักข่าว RT ของรัสเซียเอง รายงานเกิดการประท้วงทันทีเมื่อวานนี้ ในหลายเมืองของรัสเซีย รวมถึงกรุงมอสโก เมืองหลวงด้วย ในวันเดียวกับที่ปูตินประกาศระดมทหารกองหนุน 3 แสนนาย มีผู้ประท้วงรวมหลายร้อยคน และมีผู้ประท้วงถูกตำรวจจับกุมในกรุงมอสโกและอีกหลายเมือง แต่ตำรวจรัสเซียไม่เปิดเผยจำนวนผู้ถูกจับกุม

RT ระบุว่า เป็นการประท้วงที่ไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งผิดกฎหมายควบคุมการประท้วงของรัสเซีย และทางตำรวจรัสเซียได้เตือนล่วงหน้าแล้วว่า ใครที่เข้าร่วมการประท้วงอาจถูกจับกุมได้

อย่างไรก็ตาม RT รายงานโดยอ้างกลุ่มนักเคลื่อนไหวชื่อ OVD-Info ที่คอยติดตามสถานการณ์ประท้วงในรัสเซีย ว่า จำนวนผู้ถูกจับกุมมีหลายร้อยคนในกรุงมอสโก แต่ไม่ระบุจำนวนชัดเจน รัฐบาลรัสเซียได้ขึ้นบัญชีดำกลุ่มนี้ว่าเป็นสายลับต่างชาติไปแล้วตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว 2021

ด้านสำนักข่าว Al Jazeera รายงานโดยอ้างกลุ่ม OVD-Info เช่นกัน แต่ระบุจำนวนผู้ถูกจับกุมชัดเจนที่ 1,332 คนใน 38 เมืองทั่วประเทศที่เกิดการประท้วงคำสั่งระดมทหารกองหนุนของปูติน

ประธานาธิบดีรัสเซียเตือนชาติตะวันตกไม่ได้ข่มขู่ให้กลัว กรณีใช้นิวเคลียร์ และสั่งระดมพลครั้งใหญ่ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกแถลงการณ์ทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ประกาศสั่งระดมพลครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเตือนว่า รัสเซียจะตอบโต้ ด้วยอาวุธทรงพลังที่มีอยู่ทั้งหมด  หากชาติตะวันตกยังคงระบุในสิ่งที่เขาเรียกว่า “เป็นการข่มขู่ทางนิวเคลียร์อีก”  

คำเตือนอย่างตรงไปตรงมาของปูติน ผู้นำสูงสุดของรัสเซีย ประเทศที่มีหัวรบนิวเคลียร์มากกว่าสหรัฐฯ  ได้ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนร้อนระอุมากที่สุด ตั้งแต่รัสเซียเปอดใช้ปฏิบัติการทหารในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ภายใต้ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร

ปูติน กล่าวต่อไปว่า หากบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซียถูกคุกคาม รัสเซียจะใช้ทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งหมด ปกป้องประชาชนของเรา และนี้ไม่ใช่คำขู่ให้กลัว แต่เป็นเรื่องจริง

ปูติน กล่าวหาชาติตะวันตกมีแผนจ้องทำลายรัสเซีย และทำให้เขาสนับสนุนการลงประชามติเข้าร่วมรัสเซีย ที่จะจัดขึ้นในพื้นที่ของยูเครน ที่อยู่ในการควบคุมของทหารรัสเซีย นอกจากนี้ ปูตินยังได้ลงนามในพระราชกฤษฎีการะดมพลทหารบางส่วน ซึ่งเป็นการระดมทหารอาชีพในรัสเซีย

เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่า การระดมพลครั้งนี้ ใช้กำลังทหารถึง 300,000 นาย เพื่อให้เป็นไปตามแผนการของประธานาธิบดีปูติน ที่ต้องการปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครนให้เป็นอิสระ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย ไม่ต้องการอยู่ใต้การปกครองของยูเครนอีกต่อไป ซึ่งปูตินสนับสนุนการตัดสินใจของประชาชนในภูมิภาคดอนบาส, เคอร์ซอน และซาโปริซห์เซีย ดังนั้นการลงประชามติ เป็นการปูทางให้รัสเซียผนวกดินแดนยูเครนอย่างเป็นทางการราว 15%

ข้อมูล TNN World

ภาพ: Reuters