จีนเรื่องเรื่องข้อพิพาทกับญี่ปุ่น กรณีไต้หวัน ต่อสหประชาชาติ

จีนได้ยกระดับความขัดแย้งกับญี่ปุ่นเข้าสู่เวทีสหประชาชาติ โดยอ้างว่า ญี่ปุ่นกำลังข่มขู่ “การแทรกแซงทางทหาร” ต่อประเด็นไต้หวัน พร้อมประกาศชัดว่าจะปกป้องตนเองอย่างเด็ดขาด ซึ่งถือเป็นถ้อยคำรุนแรงที่สุดของจีนในข้อพิพาทที่นานกว่า 2 สัปดาห์นี้

ฟู่ ฉง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ ระบุในจดหมายถึงอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนว่า คำกล่าวของซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถือเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง” หากญี่ปุ่นกล้าแทรกแซงสถานการณ์ช่องแคบไต้หวันด้วยกำลังทหาร นั่นจะถือเป็นการรุกราน พร้อมเสริมว่า จีนจะใช้สิทธิในการป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ และจะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างมั่นคง นับเป็นวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นขั้นรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี

ด้านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังไม่สามารถให้ความเห็นต่อจดหมายของฟู่ ซึ่งถือเป็นคำตำหนิทาคาอิจิที่รุนแรงที่สุดจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนในรอบหลายปี

กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นย้ำก่อนหน้านี้ว่า นโยบายสันติภาพของญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนแปลง และปฏิเสธข้อกล่าวหาของจีนว่า “ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง”

ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวถ้อยคำกำกวมที่ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ใช้มาอย่างยาวนานเกี่ยวกับไต้หวัน เมื่อเธอกล่าวในสภาเมื่อ 7 พฤศจิกายนว่า หากจีนโจมตีไต้หวัน ซึ่งอยู่ห่างจากดินแดนญี่ปุ่นเพียงราว 100 กิโลเมตร อาจถูกจัดเป็น “สถานการณ์ที่คุกคามการอยู่รอดของญี่ปุ่น” ซึ่งสถานะทางกฎหมายดังกล่าวเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสามารถสั่งการกองกำลังป้องกันตนเองได้

คำพูดของทาคาอิจิก่อให้เกิดการตอบโต้รุนแรงจากจีน ซึ่งลุกลามเกินกรอบการทูตในช่วงหลายวันมานี้ โดยจีนกล่าวว่าทำให้ความร่วมมือทางการค้าถูกทำลายลงอย่างรุนแรง ขณะที่มีการยกเลิกคอนเสิร์ตศิลปินญี่ปุ่นในจีนหลายงานอย่างกะทันหัน

ฟู่ ฉง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ เรียกร้องให้ญี่ปุ่น “หยุดยั่วยุและหยุดก้าวล้ำเส้น” พร้อมให้ถอนคำพูดที่เขากล่าวว่าเป็น “การท้าทายผลประโยชน์หลักของจีนอย่างเปิดเผย”