รีเซต

ประชุม G20 ไร้เงาทรัมป์ ช่องว่างอำนาจที่จีนกำลังเติมเต็ม?

ประชุม G20 ไร้เงาทรัมป์ ช่องว่างอำนาจที่จีนกำลังเติมเต็ม?
TNN ช่อง16
21 พฤศจิกายน 2568 ( 18:00 )

การประชุมสุดยอด G20 ปีนี้จัดขึ้นที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของทวีป แต่กลับปรากฏแรงสั่นสะเทือนต่อโครงสร้างอำนาจโลกมากที่สุด จากการที่ตัวละครสำคัญอย่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ “ตัดสินใจไม่มาเข้าร่วม” โดยใช้เหตุผลด้วยข้อกล่าวหาที่หลายฝ่ายมองว่าไร้หลักฐานว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้ “ปฏิบัติต่อคนผิวขาวอย่างไม่เป็นธรรม” 


การไม่เข้าร่วมของมหาอำนาจหมายเช่นสหรัฐฯ นั้น ไม่ได้แค่ตั้งคำถามถึงทิศทางของสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์เท่านั้น แต่ยังเปิดพื้นที่ให้จีนก้าวขึ้นสู่บทบาทที่รอคอยมานาน นั่นก็คือบทบาทของ “ผู้นำที่คาดเดาได้” ในระบบโลกหลายขั้ว (Multilaterialim) ที่กำลังสั่นคลอน


ไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้โต้กลับอย่างแข็งขันว่า “การเมืองที่คว่ำบาตรไม่เคยได้ผล” พร้อมเตือนว่าสหรัฐฯ กำลังละทิ้งบทบาทที่ควรมีในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่อีกทางหนึ่ง จีนไม่ลังเลที่จะขยับเข้ามาแทน โดยส่งนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง เป็นตัวแทนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บนเวที


สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า นักวิเคราะห์มองตรงกันว่าช่องว่างนี้ “ไม่ทำให้จีนขึ้นเป็นผู้นำอัตโนมัติ” แต่ทำให้ปักกิ่งมีเวทีที่ให้พูดด้วยน้ำเสียงที่ตรงข้ามกับสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง Zhiqun Zhu นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบัคเนลล์ของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า เมื่อสหรัฐฯ ไม่อยู่ แสงสปอตไลต์ย่อมส่องไปที่จีนและยุโรปโดยปริยาย และประเทศกำลังพัฒนาจะมองหาท่าทีจากสองฝ่ายนี้แทน


จีนจึงเตรียมปรับท่วงทำนองให้ “ประสาน ไม่ปะทะ” และใช้โอกาสนี้ปักหลักตัวเองในฐานะมหาอำนาจที่มั่นคงกว่า ท่ามกลางโลกที่สหรัฐฯ แสดงท่าทีถอยห่างจากเวทีร่วมหลายครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ไม่เข้าร่วม APEC ที่เกาหลีใต้ ไปจนถึงไม่เข้าร่วม COP30 ที่บราซิล ท่าทีแบบ “ถอนตัวจากระบบร่วม” นี้ กำลังกลายเป็นภาพจำของสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ และทำให้จีนสามารถวาดภาพของตนเป็นเสาหลักของระเบียบโลกใหม่ได้ง่ายขึ้น

ปักกิ่งยิ่งมีแต้มต่อ เพราะแอฟริกาใต้?


ยิ่งเมื่อ G20 ปีนี้จัดขึ้นในแอฟริกา ทวีปที่จีนลงทุนเวลาทางการทูตและทรัพยากรจำนวนมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปักกิ่งยิ่งมีแต้มต่อ แอฟริกาใต้ซึ่งเป็นประธานปีนี้มุ่งผลักดันประเด็นที่ตรงกับยุทธศาสตร์ของจีนเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการลดหนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจ การรับมือสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด 


ทวีปแอฟริกายังเป็นดินแดนยุทธศาสตร์ของจีนมานาน ทั้งจากทรัพยากรแร่สำคัญ ประชากรวัยทำงานที่เติบโต และเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น โครงการฟื้นฟูรถไฟ Tazara มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ที่จีนลงนามในเดือนกันยายน หรือยอดนำเข้าแผงโซลาร์จากจีนในแอฟริกาที่พุ่งขึ้นถึง 60% ในรอบปีเดียว ขณะที่นายกฯ หลี่ เฉียง เพิ่งเดินทางไปแซมเบียครั้งแรกในรอบ 28 ปีของนายกฯ จีน และส่งสัญญาณชัดว่า ปักกิ่งพร้อมลงทุนมากขึ้นในประเทศที่มีหนี้กว่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ผูกอยู่กับจีน


จึงไม่น่าแปลกใจที่จีนจะถือโอกาสนี้สื่อสาร “3 ข้อความหลัก” ต่อโลก ได้แก่ ความมั่นคง การยึดระบบกฎกติกาสากล และการเชื่อมตัวเองเข้ากับโลกทางใต้ (Global South) พร้อมวางบทบาทในประเด็นเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างภาพว่าเป็น “ผู้แก้ปัญหา” มากกว่าเป็นผู้รบกวนระบบระหว่างประเทศ


ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงคือการขยับตัวของรัฐบาลทรัมป์ ทั้งการตั้งกำแพงภาษี 15-30% ต่อ 22 ชาติในแอฟริกา การยุติสิทธิ์ภาษี 0 เปอร์เซ็นต์ หรือถ้อยแถลงที่เรียกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า “การหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด” ทำให้จีนยิ่งมีพื้นที่ฉายภาพของตนเองชัดเจนว่าอยู่ “อีกฟากหนึ่งของการเมืองโลก” ที่เปิดรับความร่วมมือและเน้นผลประโยชน์ร่วม


อย่างไรก็ตาม แม้บทบาทของจีนจะขยายตัวขึ้นอย่างชัดเจน นักวิเคราะห์ยังเตือนว่า “ผลจริงเชิงนโยบาย” ของจีนใน G20 อาจยังไม่เปลี่ยนทิศทางทั้งเวทีให้เป็นไปตามที่ปักกิ่งต้องการ แต่ที่ชัดเจนแล้วคือการไม่มาของทรัมป์ทำให้ภาพใหญ่ของเวทีโลกเปลี่ยนไปทันที จีนไม่ต้องแย่งเวทีกับสหรัฐฯ ในปีที่สหรัฐฯ ไม่ขึ้นเวทีเลยตั้งแต่แรก


สุดท้ายแล้ว ในระบบโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การไร้เงาของทรัมป์ใน G20 จึงสะท้อนความไม่เสถียรของมหาอำนาจหนึ่ง และความมั่นคงเชิงภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จีนในเวลานี้ยังไม่ใช่ผู้นำโลก แต่สหรัฐฯ ก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงกลางเวทีอย่างที่เคยเป็น ขณะที่ช่องว่างระหว่างสองขั้วนี้กำลังถูกเติมเต็มด้วยรหัสทางการทูตใหม่ของปักกิ่ง แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง