ตะวันออกกลาง–แอฟริกาเหนือ ร้อนขึ้นเร็วเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ยโลก

“ตะวันออกกลาง” และ “แอฟริกาเหนือ” เผชิญปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 โดยอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเร็วเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ยโลก ตามรายงานฉบับใหม่ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ซึ่งถือเป็นรายงานสภาพภูมิอากาศประจำภูมิภาคฉบับแรกของหน่วยงานนี้
รายงานระบุว่า คลื่นความร้อนในภูมิภาคมีแนวโน้มยาวนานและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ โดยในปี 2024 มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 ราย และประชาชนเกือบ 4 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้ว
“รอชีด เซบบารี” ผู้เขียนร่วมของรายงาน “State of the Climate in the Arab Region (2024)” เปิดเผยว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ การเกษตร และทรัพยากรน้ำ และกำลังเป็นภัยคุกคามที่ลุกลามรวดเร็ว
ตลอดปีที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ปี 1991–2020 ถึง 1.08 องศาเซลเซียส โดยแอลจีเรียมีอุณหภูมิเพิ่มสูงที่สุดที่ 1.64 องศาเซลเซียส เหนือค่าเฉลี่ย 30 ปี ขณะที่เลขาธิการ WMO เตือนว่าช่วงเวลาที่อุณหภูมิทะลุ 50 องศาเซลเซียส ในหลายประเทศอาหรับนั้น “ร้อนเกินรับไหว” ทั้งต่อมนุษย์ ระบบนิเวศ และเศรษฐกิจ
ภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ 15 ประเทศที่ขาดแคลนน้ำที่สุดในโลก เผชิญภาวะภัยแล้งถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น โดยบันทึกพบแนวโน้มคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแอฟริกาเหนือมาตั้งแต่ปี 1981 ฤดูฝนที่ไร้ฝนต่อเนื่องยิ่งซ้ำเติมปัญหาในโมร็อกโก แอลจีเรีย และตูนิเซีย ขณะเดียวกันฝนหนักก็ทำให้ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
WMO ระบุว่าเหตุสภาพอากาศสุดขั้วในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คลื่นความร้อนจนถึงน้ำท่วม คร่าชีวิตผู้คนกว่า 300 ราย และส่งผลกระทบต่อประชาชนรวมประมาณ 3.8 ล้านคน
รายงานชี้ว่าภูมิภาคต้องเร่งลงทุนใน ความมั่นคงด้านน้ำ เช่น การแยกเกลือออกจากน้ำทะเล การนำน้ำเสียกลับมาใช้ประโยชน์ และระบบเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งปัจจุบันมีครอบคลุมเพียง 60% ของพื้นที่
นอกจากนี้ การคาดการณ์ของคณะกรรมการ IPCC ระบุว่า หากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังอยู่ในระดับปัจจุบัน อุณหภูมิเฉลี่ยของภูมิภาคอาจพุ่งสูงขึ้นถึง 5 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
