รีเซต

สรุป COP29 3 วันแรก (11-13 พ.ย.) คุยอะไรไปแล้วบ้าง?

สรุป COP29 3 วันแรก (11-13 พ.ย.) คุยอะไรไปแล้วบ้าง?
TNN ช่อง16
14 พฤศจิกายน 2567 ( 08:21 )
18

บทวิเคราะห์การประชุม COP29 ณ อาเซอร์ไบจาน (11-13 พฤศจิกายน 2567)


ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนทั่วโลก การประชุม COP29 ที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 โดยมีประเด็นที่น่าขบคิดตั้งแต่การเลือกเจ้าภาพ เพราะอาเซอร์ไบจานเองก็เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซ อีกทั้งยังมีแผนจะขยายการผลิตก๊าซเพิ่มขึ้นอีก 1 ใน 3 ภายใน 10 ปีข้างหน้า 


วันแรกของการประชุมเต็มไปด้วยพิธีการเปิดงานและการเตรียมความพร้อม แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ตัว "มัคห์ตาร์ บาบีเยฟ" ประธาน COP29 ที่มีประวัติทำงานในบริษัทน้ำมันและก๊าซของรัฐมานานถึง 26 ปี ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความจริงจังในการแก้ปัญหาโลกร้อน


ก้าวเข้าสู่วันที่สอง (12 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นการประชุม World Leaders Climate Action Summit ที่มีผู้นำและตัวแทนจากกว่า 100 ประเทศเข้าร่วม แต่ที่น่าสังเกตคือ ผู้นำจากประเทศมหาอำนาจกลับไม่ได้มาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป สะท้อนให้เห็นถึงระดับความสำคัญที่แต่ละประเทศให้กับวิกฤตโลกร้อน


ในวันเดียวกัน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวปราศรัยอย่างเด็ดขาด เรียกปี 2024 ว่าเป็น "ปีแห่งการทำลายล้างจากสภาพภูมิอากาศ" พร้อมชี้ให้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งครอบครัวที่ต้องอพยพหนีเฮอริเคน การเสียชีวิตจากคลื่นความร้อน น้ำท่วมในหลายประเทศ และเด็กๆ ที่อดอยากจากภัยแล้ง


วันที่สาม (13 พฤศจิกายน) การประชุมเข้มข้นขึ้นด้วยการถกเถียงในประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ การลดก๊าซเรือนกระจกเร่งด่วน การปกป้องประชาชนจากผลกระทบ และการจัดหาเงินทุน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเงินที่มีการเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา


ที่น่าสนใจคือการอภิปรายของผู้นำประเทศต่างๆ เช่น เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ประกาศเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 81 ภายในปี 2035 ขณะที่ติง เสวี่ยเซียง รองนายกรัฐมนตรีจีน เรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วสนับสนุนทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนา แสดงให้เห็นความขัดแย้งระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา


แม้การประชุมจะดำเนินไปอย่างคึกคัก แต่ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการผลักดันให้เกิดการปฏิบัติจริง โดยเฉพาะการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงปารีส ในขณะที่โลกยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 80% ของพลังงานทั้งหมด


คำถามที่ทุกคนต้องช่วยกันคิดคือ เราจะสามารถรักษาโลกใบนี้ไว้ให้ลูกหลานได้อย่างไร ในเมื่อแม้แต่การประชุมระดับโลกเช่น COP29 ก็ยังเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ทั้งจากประเทศเจ้าภาพที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน และการขาดหายไปของผู้นำประเทศมหาอำนาจ สะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหาโลกร้อนอาจไม่ใช่แค่เรื่องของการประชุม แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องลงมือทำจริงๆ เสียที



ภาพ Freepik 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง