สถิตเผย !! การปล่อยก๊าซมีเทนในปี 2020 ลดลง
COVID-19 ทำให้การดำเนินการ ความก้าวหน้าต่าง ๆ ช้าลง ซึ่งจากรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ International Energy Agency (IEA) เผยว่าการปล่อยก๊าซมีเทนได้ลดลงมาประมาณ 10% เช่นกัน ซึ่งการลดลงดังกล่าวมาจากบริษัทน้ำมันและก๊าซ แต่ถึงกระนั้น บริษัทในอุตสาหกรรมดังกล่าวก็ได้มีการปล่อยก๊าซมีเทนไปมากกว่า 70 ล้านตัน (77 ล้านตัน) สู่ชั้นบรรยากาศในปี 2020 ที่ผ่านมา
- เกษตรกรรม เป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซมีเทนมากที่สุด คิดเป็น 1 ใน 4 ตามด้วยอุตสาหกรรมด้านพลังงาน
- Natural Gas Value Chain ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทนคิดเป็น 60% ของภาคอุตสาหกรรม
- รองจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทนเป็นปัจจัยสำคัญอันดับ 2 ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เพราะแม้ว่าจะมีอยู่ในชั้นบรรยากาศน้อยกว่าและมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาก แต่ก็มีประสิทธิภาพในการดูดซับพลังงานที่สูงกว่าเช่นกัน โดยก๊าซมีเทน 1 ตันเทียบเท่ากับคาร์บอนไดออกไซด์ 30 เท่าด้วยกัน
IEA เผยว่าการปล่อยก๊าซมีเทนอาจเพิ่มขึ้น หากมีการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลเพิ่มขึ้น ทาง IEA จึงได้เรียกร้องให้หลาย ๆ บริษัทดำเนินการแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของก๊าซดังกล่าวอยู่ โดยทาง IEA สังเกตุว่าหลาย ๆ บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้โดยที่ไม่มีค่าต้นทุนสุทธิหลังจากขายก๊าซมีเทนที่กักเก็บไว้ออกไปแล้ว โดยทาง IEA มองว่าภาคน้ำมันและก๊าซจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซดังกล่าวลงมามากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030 เพื่อให้สอดคล้องไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ปัจจุบันทาง IEA ได้ใช้ดาวเทียมในการตรวจจับก๊าซมีเทนอยู่ โดยข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ Kayrros ระบุว่าการปล่อยมลพิษลดลงในอิรัก คูเวต เติร์กเมนิสถาน และสหรัฐอเมริกาในปี 2020 แต่มีการเพิ่มขึ้นในรัสเซีย แอลจีเรีย และคาซัคสถาน อย่างไรก็ตามการตรวจสอบของดาวเทียมยังไม่ครอบคลุมไปถึงพื้นที่นอกชายฝั่ง หรือในบริเวณเส้นศูนย์สูตร
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE
แหล่งที่มา engadget.com