ฮอนด้าเตรียมผลิตรถไฮบริดเพิ่มในสหรัฐฯ ย้ายฐานการผลิตเลี่ยงภาษี

Honda Motor วางแผนเพิ่มการผลิตรถยนต์ไฮบริดในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลับซบเซาอย่างเห็นได้ชัด

โรงงานประกอบของฮอนด้าในเมืองกรีนส์เบิร์ก รัฐอินเดียนา ของสหรัฐฯ ซึ่งเปิดให้สื่อมวลชนเข้าชมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ผลิตทั้งรุ่นไฮบริดและเครื่องยนต์เบนซินของรถยอดนิยมอย่าง CR-V และ Civic โดยมี กำลังการผลิตรวม 250,000 คันต่อปี โดยไดสุเกะ ชิมิสุ ผู้จัดการโรงงานระบุว่า จะมุ่งเน้นการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ไฮบริด ซึ่งคาดว่าความต้องการในทวีปอเมริกาเหนือจะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต

ฮอนด้ายังมีแผนขยายการจัดหาชิ้นส่วนในสหรัฐฯ โดยเฉพาะแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานแบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศได้ ภายในสิ้นปีนี้ 

ปัจจุบันฮอนด้าถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนการผลิตภายในสหรัฐฯ สูงที่สุดที่ประมาณ 60% ของยอดผลิตทั้งหมด

ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ ฮอนด้าจะเริ่มผลิตรถ Civic รุ่นที่เคยส่งออกจากญี่ปุ่นมาขายในสหรัฐฯ ที่โรงงานอินเดียนาแทน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้า ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

แม้ฮอนด้าจะยังคงเดินหน้าตามแผนเดิมในการเริ่มผลิตรถ EV ที่โรงงานในรัฐโอไฮโอภายในสิ้นปีนี้ แต่การเปิดดำเนินการของโรงงาน EV ใหม่ในแคนาดาจะเลื่อนออกไปประมาณ 2 ปี โดยฮอนด้าระบุว่า รถยนต์ไฮบริดคือแหล่งรายได้สำคัญ ที่จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ