รีเซต

สัตว์หนีภัยโลกร้อนไม่ทัน อาจเกิดเหตุการณ์ตายหมู่ สัญญาณเตือนที่โลกไม่ควรมองข้าม

สัตว์หนีภัยโลกร้อนไม่ทัน อาจเกิดเหตุการณ์ตายหมู่ สัญญาณเตือนที่โลกไม่ควรมองข้าม
TNN ช่อง16
22 พฤษภาคม 2568 ( 12:00 )
8

ในขณะที่โลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงมนุษย์หรือภูมิประเทศเท่านั้น แต่ยังลุกลามเข้าสู่ระบบนิเวศ และสัตว์ป่านานาชนิดอย่างน่าวิตก งานวิจัยล่าสุดโดยทีมนักนิเวศวิทยานำโดย ศาสตราจารย์วิลเลียม ริปเปิล จากมหาวิทยาลัยรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยว่ามีสัตว์อย่างน้อย 3,500 สายพันธุ์ทั่วโลก ที่กำลังถูกคุกคามโดยตรงจากภาวะโลกร้อน พายุที่รุนแรงขึ้น ภัยแล้ง และความผิดปกติทางสภาพอากาศรูปแบบอื่นๆ

 

การค้นพบนี้ทำให้ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” กลายเป็นปัจจัยสำคัญลำดับที่สามที่ผลักดันการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต รองจากการล่า และการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย

 

มีการคาดการณ์ว่าสัตว์ไม่สามารถหนีทันภัยโลกร้อน โดยเฉพาะสัตว์ทะเล จากข้อมูลขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) ทีมวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลของสัตว์มากถึง 70,814 สายพันธุ์ใน 35 หมวดหมู่ พบว่าสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะสัตว์ทะเล กำลังเผชิญความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายหนีสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน เช่น สาหร่ายปะการัง ไฮโดรซัว และสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกอื่นๆ ที่อย่างน้อยหนึ่งในสี่ของสายพันธุ์ในกลุ่มเหล่านี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “เสี่ยง” จากผลกระทบของโลกร้อน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก และสัตว์เลื้อยคลาน แม้จะดูปรับตัวได้ดี แต่ก็มีสัดส่วนไม่น้อยที่เริ่มได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน โดยเฉพาะจากคลื่นความร้อนในทะเลที่รุนแรงมากขึ้น

เหตุการณ์ตายหมู่จากสภาพอากาศสุดขั้วเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้นและรุนแรงขึ้น เช่น ในปี 2021 คลื่นความร้อนในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกาเหนือได้คร่าชีวิตของหอยแมลงภู่ หอยลาย และหอยทากริมชายฝั่งไปนับพันล้านตัวภายในไม่กี่วัน หรือในปี 2016 ความร้อนในมหาสมุทรทำให้ปะการังในแนวปะการัง Great Barrier Reef ของออสเตรเลียฟอกขาวไปเกือบ 30%

 

บนบก สัตว์มีกระดูกสันหลังเองก็ไม่รอด เช่น ในช่วงปี 2015–2016 ความร้อนสูงผิดปกติในมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้ระบบนิเวศอาหารในทะเลพังทลาย ส่งผลให้มีนกทะเลชื่อมิวร์ (Murres) ตายถึง ล้านตัว ปลาคอดลดลงถึง 71% และวาฬหลังค่อมหายไปกว่า 7,000 ตัว ผลกระทบเช่นนี้ไม่ใช่เพียงการตายของสัตว์หนึ่งกลุ่ม แต่ยังส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อการล่า การผสมเกสร การแข่งขัน และการไหลเวียนของสารอาหารในระบบนิเวศ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสมดุลธรรมชาติ

 

แม้ตัวเลข 3,500 สายพันธุ์จะฟังดูน่าตกใจ แต่นั่นเป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของวิกฤตที่แท้จริง เพราะจาก 101 หมวดหมู่สัตว์ที่ถูกจำแนกไว้ทั่วโลก ยังมีถึง 66 หมวดหมู่ที่ยังไม่เคยถูกประเมินความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเลย และแม้การศึกษาครั้งนี้จะครอบคลุมกว่า 70,000 สายพันธุ์ ก็ยังคิดเป็นเพียง 5.5% ของจำนวนสัตว์ที่ได้รับการบันทึกชื่อแล้วเท่านั้น

ข้อมูลใน “บัญชีแดง” ของ IUCN ยังคงเอนเอียงไปที่สัตว์มีกระดูกสันหลัง แม้สัตว์เหล่านี้จะเป็นเพียง 6% ของจำนวนสัตว์ทั้งหมด ในขณะที่สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง – ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในการผสมเกสร รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน และเป็นฐานอาหารในระบบนิเวศทะเล – ยังคงถูกละเลยอย่างมาก

 

ศาสตราจารย์ริปเปิลและทีมงานเน้นย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่โลกต้องเร่งพัฒนาฐานข้อมูลเกี่ยวกับการตายหมู่ของสัตว์จากภาวะโลกร้อน และจัดการประเมินความเสี่ยงของสัตว์ที่ยังไม่ได้รับการศึกษาพวกเขาเสนอให้มีการเฝ้าระวังเหตุการณ์ตายหมู่แบบเรียลไทม์ สนับสนุนวิทยาศาสตร์พลเมือง (Citizen Science) ในการติดตามสัตว์กลุ่มที่มักถูกมองข้าม และนำข้อมูลเกี่ยวกับการกระจายพันธุ์และความหลากหลายทางพันธุกรรมมาร่วมประเมินความเสี่ยง นอกจากนี้ การวางนโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการรับมือกับโลกร้อนควรถูกบูรณาการเข้าด้วยกันในทุกระดับ เพื่อให้มนุษย์สามารถช่วย “ให้โอกาส” แก่สายพันธุ์ต่างๆ ในการอยู่รอดในโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน การศึกษานี้ตอกย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่ภัยคุกคามในอนาคต แต่คือ วิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และมีผลกระทบต่อระบบนิเวศทั่วโลกโดยตรง

 

หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเพิกเฉย ข้อมูล 3,500 สายพันธุ์ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงในวันนี้ อาจกลายเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่ไม่อาจหวนคืนได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง