โลกร้อนเกินเยียวยา แนวปะการังน้ำอุ่นทั่งโลกพังทลาย

รายงานจาก มหาวิทยาลัย Exeter ระบุว่า แนวปะการังน้ำอุ่นทั่วโลกเผชิญกับ “เหตุการณ์ฟอกขาวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์” ในช่วงปี 2024–2025 โดยอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มขึ้นราว 1.2 องศาเซลเซียส ได้เกินกว่าขีดจำกัดที่ปะการังจะทนได้ ส่งผลให้ปะการังตายในหลายภูมิภาค

แนวปะการังมีบทบาทสำคัญอย่างมหาศาลต่อโลก ไม่เพียงเป็นเกราะธรรมชาติป้องกันชายฝั่งจากคลื่นและพายุ แต่ยังเป็นแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลนับล้านชนิด และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางทะเล ปะการังจึงเป็นเสมือนหัวใจของระบบนิเวศทางทะเล

สำหรับปะการังฟอกขาว เกิดขึ้นเมื่อปะการังขับสาหร่ายสีสวยที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของมันออกไป เนื่องจากความร้อนที่สูงเกินไป เมื่อไม่มีสาหร่าย ปะการังจะสูญเสียสีสัน กลายเป็นสีขาวซีด และอ่อนแอจนเสี่ยงต่อการตาย องค์การ NOAA ของสหรัฐฯ ระบุว่าการฟื้นฟูแนวปะการังยัง “พอเป็นไปได้” โดยสามารถเพาะเลี้ยงปะการังวัยอ่อนในห้องแล็บแล้วนำกลับไปปลูกในทะเลเมื่อแข็งแรงพอ รวมถึงการเก็บไข่และสเปิร์มเพื่อสร้างปะการังรุ่นใหม่ หรือการนำปะการังที่หลุดออกมายึดติดกลับเข้ากับแนวหินด้วยวัสดุอย่างซิปไทด์หรือปูนซีเมนต์ อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูต้องใช้เวลานานและทรัพยากรมหาศาล 

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าประเทศต่าง ๆ ต้องรักษาขีดจำกัดความร้อนของโลกรวมไม่ให้เกิน 1.5°C ตามข้อตกลงปารีส เพื่อป้องกันการสูญเสียแนวปะการัง แต่ในปี 2023 และ 2024 อุณหภูมิโลกเฉลี่ยได้แตะที่ 1.45°C และ 1.55°C ตามลำดับ ส่งผลให้เกิดคลื่นความร้อนทางทะเล (marine heatwave) ที่ครอบคลุมกว่า 84% ของแนวปะการังทั่วโลก และทำให้หลายพื้นที่เข้าสู่ภาวะ “ล่มสลาย” ของระบบนิเวศ