เตือนผลิตแร่หายาก ภัยที่ซ่อนในเทคโนโลยีสะอาด ผลิต 1 ตัน ทิ้งพิษ 2,000 ตัน

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ กระบวนการผลิตแร่ธาตุหายากและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แร่ธาตุหายาก หรือ Rare Earth Elements (REEs) หมายถึงกลุ่มโลหะ 17 ชนิดที่มีบทบาทสำคัญต่อเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า สมาร์ตโฟน กังหันลม ไปจนถึงเครื่องบินขับไล่ แร่ธาตุเหล่านี้จึงกลายเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ที่หลายประเทศให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งยังคงครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแร่ธาตุหายาก ด้วยปริมาณสำรองมหาศาลและความสามารถในการผลิตและกลั่นโลหะหายาก คิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 90% ของตลาดโลก
ในปี 2024 จีนจัดหาแร่ธาตุหายากให้กับสหรัฐอเมริกามากถึง 77% แต่เมื่อเกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงขึ้น โดยสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จีนจึงตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกธาตุหายาก 7 ชนิด รวมถึงแม่เหล็กหายากบางประเภท ทำให้สหรัฐฯ ประสบปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเทคโนโลยีสมัยใหม่
ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีเหมืองแร่หายากภายในประเทศเพียงสองแห่งเท่านั้น ได้แก่ ที่รัฐจอร์เจียและรัฐแคลิฟอร์เนีย ในรัฐจอร์เจียตะวันออกเฉียงใต้ มีการผลิตแร่หายากเป็นผลพลอยได้จากการขุดทรายและแร่เหล็ก ส่วนในเมืองเมาน์เทนพาส รัฐแคลิฟอร์เนีย มีการทำเหมืองหินแข็งเพื่อสกัดแร่คาร์บอเนตหายากที่เรียกว่า “บาสต์เนไซต์” อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบส่วนใหญ่จากทั้งสองแห่งยังต้องส่งออกไปกลั่นในต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนและมาเลเซีย เนื่องจากสหรัฐฯ ยังขาดศักยภาพในการแปรรูปและกลั่นแร่ธาตุเหล่านี้ในประเทศ
กระบวนการทำเหมืองและแปรรูปแร่ธาตุหายากเป็นกิจกรรมที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมากและมีความเสี่ยงสูงต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากแร่เหล่านี้มักมีความเข้มข้นต่ำเพียง 2-10% และต้องผ่านขั้นตอนการแยกและทำให้บริสุทธิ์หลายขั้นตอน เพื่อให้ได้ออกไซด์หรือเกลือของโลหะหายากที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่อไป การกลั่นแร่หายากก่อให้เกิดของเสียปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะกรดเข้มข้น เช่น กรดไฮโดรฟลูออริกและกรดซัลฟิวริก รวมถึงโลหะหนักและสารกัมมันตรังสีอย่างทอเรียมและยูเรเนียม ซึ่งล้วนเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์
วิธีการทำเหมืองแร่หายากหลัก ๆ มีอยู่สองรูปแบบ คือ
1. การขุดและชะล้างในบ่อเปิด – โดยการนำดินชั้นบนออกมาผสมกับสารเคมีเพื่อแยกโลหะออกจากแร่ดิบ กระบวนการนี้หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี สารพิษอาจรั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำใต้ดินหรือแหล่งน้ำผิวดินได้
2. การฉีดสารเคมีลงในดินผ่านท่อ PVC – วิธีนี้ใช้สารละลายเคมีเพื่อแยกแร่ธาตุหายากโดยตรงจากชั้นดิน แต่ท่อและสารเคมีที่เหลือมักถูกทิ้งไว้ในพื้นที่เหมือง ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในระยะยาว
ไม่ว่าจะใช้วิธีใด กระบวนการผลิตแร่ธาตุหายากก่อให้เกิดของเสียจำนวนมาก ทุก ๆ หนึ่งตันของแร่ธาตุหายากที่ผลิตได้ จะมีฝุ่นกว่า 13 กิโลกรัม ก๊าซเสีย 9,600–12,000 ลูกบาศก์เมตร น้ำเสีย 75 ลูกบาศก์เมตร และกากกัมมันตรังสีหนึ่งตัน รวมแล้วมีของเสียพิษมากถึง 2,000 ตันต่อแร่ธาตุหายากหนึ่งตัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการผลิตแร่ธาตุหายากแม้จะมีความสำคัญต่อเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด แต่กลับมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่ายในรูปของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์อย่างมหาศาล
ดังนั้น การจัดการทรัพยากรแร่ธาตุหายากอย่างยั่งยืน การพัฒนานวัตกรรมรีไซเคิล รวมถึงการควบคุมมลพิษจากกระบวนการผลิต จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้โลกก้าวต่อไปในเส้นทางเทคโนโลยีที่ไม่แลกมาด้วยการทำลายสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
