กระทืบจนตายมีจริง? เปิดจุดตาย 'คอ หน้า หน้าอก' ที่มือเปล่าก็คร่าชีวิตได้

- มองมุมกฎหมาย คดีเมียหลวงท้องแก่กระทืบกิ๊กผัวเสียชีวิต
ทำความเข้าใจ “คอ หน้า หน้าอก” จุดเปราะบางที่อาจนำไปสู่ความตายได้
มือเปล่า เท้าเปล่า ฆ่าคนได้จริงหรือ?
จากคดีช็อกสังคม “เมียหลวงท้องแก่กระทืบกิ๊กผัวดับหน้าห้องพัก” ที่เพิ่งเกิดขึ้นกลางรีสอร์ตในเขตมีนบุรี กลายเป็นคำถามใหญ่ในสังคมว่า แค่การเตะ ตบ กระทืบด้วยเท้าเปล่า จะรุนแรงถึงตายได้จริงหรือ?
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเช้ามืดของวันที่ 20 เมษายน 2568 เมื่อหญิงตั้งครรภ์วัย 27 ปี ตามหาสามีจนพบว่าแอบไปเปิดห้องกับหญิงสาวอีกคน เธอโมโหสุดขีดถึงขั้นจิกศีรษะอีกฝ่ายออกมาหน้าห้อง ก่อนลงมือใช้เท้ากระทืบใบหน้า ศีรษะ หน้าอก และอวัยวะเพศหลายครั้งอย่างรุนแรง จนผู้เสียชีวิตหมดสติและสิ้นใจในเวลาต่อมา แม้เหตุจะเกิดแบบฉับพลันและไม่ใช่การวางแผนฆ่า แต่คำถามสำคัญยังคงอยู่: แค่ “กระทืบ” จะทำให้คนตายได้จริงหรือ?
จุดตายที่ไม่ควรมองข้าม: คอ หน้า หน้าอก เสี่ยงถึงชีวิตแม้ไม่ใช่อาวุธ
1. คอ จุดควบคุมระบบชีวิตที่เปราะบางที่สุด
บริเวณ “ลำคอ” มีทั้งหลอดลม กล่องเสียง เส้นเลือดใหญ่ และเส้นประสาทที่เชื่อมสมองกับร่างกาย หากได้รับแรงกระแทกจากการเตะหรือกดอย่างรุนแรง อาจเกิดการหายใจติดขัดหรือระบบประสาทหยุดทำงานเฉียบพลันได้ บางกรณีแค่ “เตะก้านคอ” ก็ทำให้หมดสติหรือตายได้ทันที โดยเฉพาะถ้าคนก่อเหตุใช้เท้าและลงน้ำหนักซ้ำหลายครั้ง
2. ใบหน้าและศีรษะ การกระแทกสมองที่ร้ายแรงกว่าที่คิด
การชกต่อยหรือตบที่ใบหน้าไม่ได้ทำให้แค่เจ็บผิวหนังเท่านั้น แรงกระแทกอาจส่งผลให้สมองกระเทือน เกิดภาวะสมองบวม หรือเลือดคั่งในกะโหลก ผู้ถูกทำร้ายอาจหมดสติ ล้มฟาดพื้น และเสียชีวิตตามมา แม้จะไม่มีอาวุธหรือเลือดออกให้เห็น ในคดีนี้ ผู้ต้องหากระทืบศีรษะของผู้เสียชีวิตถึง 3 ครั้ง แรงสั่นสะเทือนจากเท้าอาจกระตุ้นให้เกิดการบาดเจ็บภายในที่ไม่มีใครเห็นจากภายนอก
3. หน้าอก อันตรายต่อหัวใจและปอด
ทรวงอกเป็นที่ตั้งของหัวใจ ปอด และหลอดเลือดใหญ่ แรงกระแทกที่หน้าอกสามารถทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หยุดเต้น หรือกระดูกซี่โครงหักแทงอวัยวะภายใน ผู้เสียชีวิตในกรณีนี้ถูกกระทืบหน้าอก 4 ครั้งติดต่อกัน การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอาจทำให้หัวใจล้มเหลวหรือเกิดภาวะปอดแตกโดยที่ไม่มีโอกาสฟื้นตัวทันเวลา
กฎหมายมองอย่างไร: เจตนาฆ่าหรือการบันดาลโทสะ?
ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีเจตนาฆ่า ก็มีความผิดตามกฎหมาย โดยกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี ส่วนในกรณีที่มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ผู้กระทำอาจเล็งเห็นผลว่าอาจทำให้ถึงตาย เช่น การมุ่งทำร้ายอวัยวะสำคัญของร่างกาย (คอ ศีรษะ หน้าอก) หรือการลงมือหลายครั้งอย่างรุนแรง ศาลอาจพิจารณาได้ว่าเป็นการกระทำที่มีลักษณะของ เจตนาแฝง ซึ่งอาจถูกตั้งข้อหาในระดับที่สูงขึ้นตามดุลพินิจของศาล
ในคดีลักษณะนี้ หากปรากฏหลักฐาน เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิดที่แสดงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่การเริ่มทำร้าย จนถึงจุดที่ผู้ถูกทำร้ายหมดสติ โดยไม่มีการแสดงท่าทีช่วยเหลือ อาจถูกนำมาใช้ประกอบการพิจารณาในชั้นสืบสวนหรือชั้นศาลว่า การกระทำอยู่ในขอบเขตของการบันดาลโทสะ การประมาท หรือเจตนา ซึ่งยังต้องพิจารณาร่วมกับพฤติการณ์อื่น ๆ อย่างรอบด้าน เช่น สภาพจิตใจของผู้กระทำก่อน-หลังเหตุการณ์ พฤติกรรมก่อนเกิดเหตุ และเจตนาโดยรวม
ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาและบทลงโทษขึ้นอยู่กับกระบวนการสอบสวน พยานหลักฐาน และการตีความในชั้นศาล ไม่อาจสรุปชี้ชัดได้ในเบื้องต้นว่าเข้าข่ายเจตนาฆ่าหรือไม่
สังคมควรรู้: ความรุนแรงไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่มีใครควรต้องตายเพราะความหึง
คดีนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาความรักของสามคน หรือเรื่องมือที่สามเท่านั้น แต่มันแสดงให้เห็นว่า ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่มองว่า การใช้กำลังในชีวิตคู่หรือความสัมพันธ์ใกล้ตัวเป็นเรื่องธรรมดา บางคนอาจคิดว่าแค่ตบ แค่กระทืบ ไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ความจริงคือ ถ้าโดนในจุดสำคัญของร่างกาย เช่น คอ หน้า หรือหน้าอก มันอาจถึงชีวิตได้ทันที
สิ่งสำคัญที่ควรคิดให้มากขึ้นคือ ไม่มีใครควรต้องเสียชีวิต เพียงเพราะความหึงหวง หรือแค่เพราะอยู่ผิดที่ผิดเวลา ถ้าเรายังยอมให้ความรุนแรงเป็นวิธีระบายอารมณ์หรือสั่งสอนกันแบบนี้ สังคมก็อาจต้องเจอกับข่าวเศร้าแบบนี้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า
จุดเปราะบางที่ไม่ควรแตะ
คอ หน้า หน้าอก คือส่วนที่สำคัญมากของร่างกาย ถึงจะดูเหมือนไม่ใช่อาวุธ แต่ถ้าทำร้ายจุดเหล่านี้โดยไม่คิดให้รอบคอบ มันอาจคร่าชีวิตคนได้ในไม่กี่วินาที
มือเปล่า เท้าเปล่า ก็ฆ่าคนได้จริง — ถ้าไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ความโกรธเพียงชั่ววูบก็อาจเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งให้ไม่มีวันกลับมา และเปลี่ยนชีวิตอีกคนให้ต้องอยู่กับความผิดไปตลอดชีวิต