รีเซต

รฟม.มั่นประมูลพ.ย. เทเสียงBEMคว้าสีส้ม

รฟม.มั่นประมูลพ.ย. เทเสียงBEMคว้าสีส้ม
ทันหุ้น
7 ตุลาคม 2563 ( 07:45 )
343
รฟม.มั่นประมูลพ.ย. เทเสียงBEMคว้าสีส้ม

ทันหุ้น - สู้โควิด - รฟม.ยันคำนึงถึงฝีมือต้องปรับเกณฑ์ TOR สีส้มตะวันตก ให้คะแนนเทคนิคเพิ่มและทำตามกรอบกฎหมาย ชี้ BTSC ไม่ได้ถูกเพิกถอนหรือเสียหายจากการปรับเกณฑ์ การฟ้องศาลคุ้มครองไม่น่ามีน้ำหนัก พร้อมชี้แจงทุกประเด็นต่อศาล 14 ต.ค.นี้ เชื่อได้ประมูลตามเกณฑ์ 9 พ.ย. ขู่ฟ้องกลับหากทำให้รัฐเสียหาย นักวิเคราะห์แนะเก็งกำไร BEM เป้า 10.60 บาทมีประสบการณ์เต็งคว้าสีส้ม

 

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า การพิจารณาปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ให้เป็นรูปแบบการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคควบคู่กับด้านราคา โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30% , ด้านราคา 70% ซึ่งจะมีคะแนน “ความเป็นไปได้ทางการเงิน” 10% นั้น ทางรฟม.และคณะกรรมการ (ตามมาตรา 36) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ที่ระบุไว้ในพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 มาตรา 35,38,39 รวมถึงประกาศของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP)

 

“การปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว และข้อกำหนด ในข้อเสนอโครงการ (RFP) สามารถออกเอกสารเพิ่มเติมได้ขณะที่มีการขยายเวลาในการยื่นเอกสารออกไปอีก45วัน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐจะได้รับจากการได้ผู้ร่วมลงทุนที่มีศักยภาพในการดำเนินงานด้านเทคนิคในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ทำให้ประชาชนได้รับการให้บริการระบบขนส่งมวลชนที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูงที่สุด และบรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดทำบริการสาธารณะของ รฟม.”

 

สำหรับกรณีที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้พิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ยุติการปรับเงื่อนไขในเอกสารการคัดเลือกเอกชน (RFP) นั้น ล่าสุดศาลนัดไต่สวนในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้ รฟม.ได้เตรียมเอกสารอ้างอิงและข้อกฎหมาย ที่คณะกรรมการ ตามมาตรา 36 ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ และพร้อมที่จะชี้แจงทุกคำถาม

 

อย่างไรก็ตาม ทางรฟม.พร้อมปฎิบัติตามคำสั่งศาล โดยหากศาลยกคำร้อง การประมูลจะเดินหน้าตามกระบวนการ พร้อมกันนี้ รฟม.อาจจะพิจารณายื่นฟ้องแพ่ง กรณีที่ทำให้ รฟม.ในฐานะหน่วยงานรัฐได้รับความเสียหาย แต่หาก กรณีศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครอง รฟม.จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

 

“ไม่ว่าคำสั่งศาลจะออกมาอย่างไร ทั้ง2 ฝ่ายมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งรฟม.มั่นใจว่า จะไม่ยืดเยื้อ เนื่องจากเห็นว่าผู้ฟ้องต้องเป็นผู้เสียหายจากคำสั่งทางปกครอง แต่เรื่องนี้ ผู้ฟ้องยังไม่ได้รับความเสียหาย รฟม.ไม่ได้มีการเพิกถอนสิทธิ์ประมูลใดๆ และการขยายเวลาทำข้อเสนอ45 วัน ผู้ซื้อซองทุกรายได้สิทธิ์เหมือนกัน”

 

ทั้งนี้หากยังไม่มีคำสั่งศาลที่ทำให้กระบวนการประมูลต้องหยุดชะงัก หลังรับซองในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 กรรมการตามมาตรา 36 จะประชุมเพื่อกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์การให้คะแนนทางเทคนิค  คาดใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ยื่นซอง จากนั้นจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและเปิดซองข้อเสนอด้านเทคนิคและด้านการเงินพร้อมกันโดยคาดว่า จะสรุปผลการประมูลได้ต้นปี 2564

 

@ลุ้นมติศาล

 

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีการต่อสู้กันทางคดีความระหว่าง BTSC และ รฟม. ว่า ฝ่ายวิเคราะห์พิจารณาใน 2 แนวทาง คือ 1.ศาลออกคำสั่งคุ้มครองทำให้ต้องเลื่อนประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกออกไป จะส่งผลกดดันราคาหุ้นทั้ง BTS และ BEM ให้ “Underperform” ต่อไปจนกว่าคดีจะยุติ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าราคาหุ้น BTS จะเคลื่อนไหวในกรอบราคาต่ำกว่า 10 บาทอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับหุ้น BEM ที่จะเคลื่อนไหวในกรอบราคาต่ำกว่า 9 บาท แนะนำนักลงทุนที่มีถือครองหุ้นต่อไป ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่ถือครองหุ้นรอความชัดเจนของคดีก่อนได้

 

และ 2.ศาลไม่ออกคำสั่งคุ้มครอง ฝ่ายวิเคราะห์ให้น้ำหนักไปที่ BEM มีโอกาสชนะการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสมที่ 10.60 บาท และไปขายทำกำไรเมื่อประกาศผลผู้ชนะโครงการ เพื่อย้ายเม็ดเงินเข้า “ซื้อเก็งกำไร” BTS ราคาเหมาะสมที่ 13.80 บาท เพื่อรับข่าวรัฐบาลต่อสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว อย่างไรก็ตามให้นักลงทุนรอฟังมติศาลปกครองเป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาเลือกลงทุน

 

“หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองโครงการดังกล่าวก็ต้องเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด แต่หากศาลไม่คุ้มครองการประมูลก็เดินหน้าต่อไปตามขั้นตอน ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ให้น้ำหนักว่า BEM น่าจะเป็นผู้ชนะการประมูล ดังนั้นที่ระดับราคาหุ้น ณ ปัจจุบันเป็นจุดที่สามารถเข้าสะสมเพื่อเก็งกำไรกรณีดังกล่าวได้ แล้วนักลงทุนไปขายช่วงประกาศผลการประมูล เพราะราคาหุ้น BTS มีแนวโน้มเคลื่อนไหวตอบสนองผลการประมูล ย้ายเม็ดเงินไปช้อน BTS รอข่าวสัมปทานสายสีเขียว ทั้งนี้หากผลไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ราคาหุ้นก็จะเคลื่อนไหวตรงกันข้าม”

 

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร(กม.) แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 ก.ม. จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 ก.ม.จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย) ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสุดท้ายที่จะมีผู้โดยสารเฉลี่ย 1-1.5 แสนคนต่อวัน จึงทำให้การประมูลโครงการดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง