ตาลีบันสั่งให้ผู้หญิงที่มีงานทำอยู่บ้านชั่วคราว รอเตรียมความพร้อมใช้กฎระเบียบใหม่
นายซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกของตาลีบันแถลงว่า ทางกลุ่มได้มีคำสั่งให้ผู้หญิงชาวอัฟกันที่ทำงานนอกบ้านหยุดงาน และให้อยู่กับบ้านเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการออกกฎระเบียบใหม่มาใช้กับเรื่องนี้
โฆษกของตาลีบันชี้แจงว่า คำสั่งดังกล่าวจะมีการบังคับใช้ในระยะเวลาที่สั้นมาก เพื่อความปลอดภัยของบรรดาผู้หญิงทำงานชาวอัฟกันเอง เนื่องจาก "กองกำลังบางส่วนของเรา ยังไม่ได้รับการฝึกอบรมว่าควรจะปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไร หรือควรจะพูดจากับพวกเธออย่างไร"
"ดังนั้น เราจึงขอให้ผู้หญิงอยู่กับบ้าน จนกว่าเราจะควบคุมสถานการณ์และรับประกันความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่เสียก่อน" นายมูจาฮิดกล่าว
นอกจากประเด็นข้างต้นแล้ว โฆษกของตาลีบันยังแถลงถึงสถานการณ์ล่าสุดภายในประเทศ โดยเตือนไม่ให้ประชาชนไปที่สนามบินกรุงคาบูลเพราะกำลังมีเหตุวุ่นวายที่นั่น ทั้งยังบอกให้สหรัฐฯ หยุดชี้นำสนับสนุนให้ชาวอัฟกันอพยพออกนอกประเทศ เนื่องจากรัฐบาลใหม่ยังต้องการผู้มีความรู้ความสามารถอีกเป็นจำนวนมาก
นายมูจาฮิดยังเน้นย้ำว่า ปฏิบัติการอพยพผู้คนของสหรัฐฯและนานาประเทศ จะต้องสิ้นสุดลงตามกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ส.ค. นี้ แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี ให้ขยายเวลาออกไปอีกก็ตาม
ล่าสุดประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงทางโทรทัศน์ว่า ได้เร่งให้ปฏิบัติการอพยพผู้คนออกจากอัฟกานิสถานเป็นไปอย่างฉับไวขึ้นแล้ว และคาดว่าจะเสร็จสิ้นทันกำหนดเส้นตายอย่างแน่นอน โดยกลุ่มตาลีบันได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการอพยพผู้คนด้วย
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า "ภารกิจเสร็จสิ้นเร็วขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดี" และเผยว่าขณะนี้สามารถอพยพผู้คนออกจากกรุงคาบูลได้แล้วถึง 70,700 ราย นับแต่กองกำลังตาลีบันเข้ายึดครองเมืองหลวงของอัฟกานิสถานเมื่อ 10 วันก่อน
ด้านนางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) กล่าวย้ำในที่ประชุมฉุกเฉินขององค์กรว่า สิทธิสตรีนั้นเป็นเสมือน "เส้นสีแดงขั้นพื้นฐาน" หรือสิ่งที่จำเป็นต้องมีในสังคมอัฟกานิสถานนับจากนี้ โดยที่ประชุมได้ออกข้อมติว่าจะดำเนินพันธกิจเพื่อสิทธิสตรีในอัฟกานิสถานอย่างแน่วแน่ไม่หวั่นไหว หลังได้รับรายงานที่เชื่อถือได้ว่า กองกำลังตาลีบันเริ่มเกณฑ์แรงงานเด็กไปเป็นทหาร และมีการรวบรัดสังหารผู้คนจำนวนมาก