คลื่นร้อนถล่มอินเดีย–ปากีสถาน พุ่งแตะ 50°C นักวิทย์เตือน “นี่คือความปกติใหม่”

อุณหภูมิพุ่งทะลุ 44–50 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ของอินเดียและปากีสถานตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 8.5 องศา สร้างแรงกดดันมหาศาลต่อระบบสาธารณสุข พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีประชากรรวมกันเกือบ 2 พันล้านคน
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าคลื่นความร้อนที่มาเร็วและแรงในฤดูใบไม้ผลินี้ ไม่ใช่เรื่อง “ผิดปกติ” แต่คือ “ความปกติใหม่” ที่ถูกขับเคลื่อนเกือบทั้งหมดโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น ความร้อนสะสมในเมืองจากคอนกรีตและถนนยางมะตอยยังเร่งวิกฤตให้รุนแรงยิ่งขึ้น
ดร.เจียนมาร์โก เมงกัลโด ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวว่า คลื่นความร้อนในฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ ไม่ใช่ความผิดปกติอีกต่อไป มันคือสัญญาณเตือน เราต้องไม่หยุดแค่การตระหนักรู้ แต่ต้องเริ่มลงมือทำ
แม้บางเมืองใหญ่ เช่น เดลี ได้อัปเดตแผนฉุกเฉินรับมือคลื่นความร้อนแล้ว แต่การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐาน การบังคับใช้นโยบายที่ไม่ทั่วถึง และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจกลับทำให้ประชาชนหลายล้านคนยังคงเผชิญความเสี่ยงอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่มยากจนที่ขาดเครื่องปรับอากาศหรือที่พักอาศัยที่ปลอดภัย
ผลกระทบจากคลื่นความร้อนไม่ใช่แค่ความไม่สบายตัว แต่มันคร่าชีวิตผู้คนได้จริง และยิ่งอุณหภูมิสูงขึ้นอีกเพียงหนึ่งองศา ช่องว่างแห่งความปลอดภัยก็จะยิ่งแคบลง ยิ่งไปกว่านั้น นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า โมเดลสภาพภูมิอากาศที่เคยใช้คาดการณ์ในอดีตอาจประเมินต่ำไปว่า ความร้อนสุดขั้วเช่นนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติได้เร็วเพียงใด หลายสิ่งที่เคยคาดว่าอาจเกิดขึ้นในอีกหลายสิบปีข้างหน้า กำลังเกิดขึ้นในวันนี้ ในยุคที่ฤดูกาลกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกต่อไป คลื่นความร้อนไม่ใช่ภัยพิบัติที่เกิดเฉพาะฤดูร้อนอีกแล้ว แต่คือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอย่างถาวรที่เราต้องเผชิญหน้าอย่างเร่งด่วน