UAE เผชิญคลื่นความร้อน อุณหภูมิพุ่ง 50.4 องศาฯ ทุบสถิติสูงสุดเดือน พ.ค.
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานอุณหภูมิสูงสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ทะลุ 50.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในเดือนพฤษภาคม นับตั้งแต่ปี 2003 ทำลายสถิติ 50.2 องศาเซลเซียสในปี 2009 กรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของ UAE เผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุมานานหลายสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลจากคลื่นความร้อนและส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวเมือง แม้ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับอากาศร้อนอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีคำเตือนให้ชาวเมืองหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแสงแดด ดื่มน้ำให้มาก สวมใส่เครื่องแต่งกายที่เหมาะสม และใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว
ในช่วงที่ผ่านมาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ร้อนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เกิดคลื่นความร้อนบ่อยครั้ง รายงานจากนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นซ้ำๆ นั้นเป็นสัญญาณเตือนถึงผลพวงจากภาวะโลกร้อนอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่คลื่นความร้อนจะเกิดถี่ขึ้น ยาวนานขึ้น และรุนแรงขึ้น ในช่วงระยะเวลาไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา จำนวนวันที่อากาศร้อนจัดในทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบ 2 เท่า
รายงานจากสหประชาชาติ ปี 2024 ระบุว่า คนงานที่ต้องทำงานแจ้งในประเทศอาหรับร้อยละ 83.6 กำลังเผชิญกับความเครียดจากความร้อนมากที่สุดในโลก พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนมากเกินขีดจำกัด และในเดือนมิถุนายน 2024 มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนถึง 1,300 คน ขณะประกอบพิธีทางศาสนาประจำปีของชาวมุสลิมในนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
หลายประเทศในแถบตะวันออกกลางมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากการศึกษาของกรีนพีซพบว่า 6 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังร้อนขึ้นเกือบ 2 เท่า ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก แหล่งอาหารและแหล่งน้ำถูกคุกคามจากความร้อนเปราะบางจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมาก