ราคาทองคำผันผวนในปี 2568 ส่งสัญญาณอะไรในเศรษฐกิจไทยและโลก

ปี 2568 อาจกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของ “ตลาดทองคำ” ที่โลกทั้งใบต้องหันมามอง เมื่อราคาทองคำขึ้นแรงอย่างต่อเนื่องและผันผวนจนตามแทบไม่ทัน เพียงแค่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำในไทยมีการปรับขึ้นลงถึง 42 ครั้งภายในวันเดียว ทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 61,850 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณแตะ 62,650 บาท ภาพที่เห็นไม่ใช่แค่ราคาที่วิ่งเร็ว แต่คือ “สัญญาณบางอย่าง” จากเศรษฐกิจโลกที่กำลังสั่นไหว
ทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี
ราคาทองคำโลกในปีนี้ขยับขึ้นไปแตะระดับ 3,900–4,058 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในไทยพุ่งแตะ 62,350 บาทต่อบาททองคำ ตัวเลขที่ไม่เคยเห็นมานานกว่า 4 ทศวรรษ
สาเหตุไม่ได้มีเพียงแรงเก็งกำไรระยะสั้น แต่เป็นผลของ “แรงกดดันทางเศรษฐกิจ” ที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวโลก ตั้งแต่ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ไปจนถึงการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ตลาดคาดว่าจะต้องลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่วางไว้
พร้อมกันนั้น ค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน รัสเซีย และอินเดีย เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อ “ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์” และสร้างหลักประกันทางการเงินของตัวเอง
เมื่อราคาทองขึ้น มันกำลังบอกอะไรเรา?
ทองคำมักถูกเรียกว่า “สินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ” แต่ในปีนี้ มันไม่ได้บอกแค่เรื่องเงินเฟ้ออย่างเดียว มันกำลังบอกเราถึงความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจโลก
แม้หลายประเทศจะเริ่มเห็นตัวเลขเงินเฟ้อชะลอลง แต่ “ค่าครองชีพจริง” กลับไม่ลด ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าแรง และราคาสินค้าจำเป็นยังสูงต่อเนื่อง ในขณะที่เศรษฐกิจกลับโตช้าลง นี่คือสภาวะที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “Stagflation” หรือ “เศรษฐกิจชะลอแต่เงินเฟ้อยังแรง”
ในภาวะแบบนี้ นักลงทุนทั่วโลกจึงหันไปพึ่งทองคำ ไม่ใช่เพราะอยากรวยเร็ว แต่เพราะ “อยากปลอดภัย” จากความผันผวนที่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะจบตรงไหน
ธนาคารกลางทั่วโลกกำลัง “สะสมทองคำ”
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า ปีนี้เป็นปีที่ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำมากที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะประเทศในเอเชียและตะวันออกกลาง เหตุผลไม่ได้อยู่ที่ราคาที่สวยงาม แต่มาจาก “ความระแวงในระบบดอลลาร์” ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
ทองคำจึงกลับมาเป็น “สินทรัพย์สำรองระดับโลก” อีกครั้ง และการเปลี่ยนขั้วเช่นนี้อาจหมายถึงโลกการเงินยุคใหม่ที่กำลังเริ่มต้น — โลกที่ไม่มีใครผูกขาดอำนาจทางเศรษฐกิจได้อย่างเบ็ดเสร็จอีกต่อไป
ผลกระทบต่อไทย ได้ทั้งดีและเสี่ยง
สำหรับประเทศไทย ราคาทองที่สูงขึ้นทำให้ภาคการส่งออกทองคำมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง ราคาทองที่ขยับแรงทุกวันกลับทำให้ตลาดภายในประเทศปั่นป่วน
ค่าเงินบาทที่อ่อนลงแตะระดับกว่า 37 บาทต่อดอลลาร์ ยิ่งดันให้ราคาทองคำในประเทศพุ่งสูงกว่าราคาทองโลกในบางช่วง ผู้ที่ซื้อทองเพื่อเก็งกำไรต้องระวัง “แรงเทขาย” หากราคากลับทิศ ขณะที่ผู้บริโภคทั่วไปก็ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากผลทางอ้อมของค่าเงินบาทอ่อน
ฟองสบู่ทองคำ? คำถามที่เริ่มได้ยินบ่อยขึ้น
หลายสำนักวิเคราะห์เริ่มพูดตรงกันว่า “ราคาทองคำปีนี้อาจวิ่งเร็วเกินไป” เพราะแรงซื้อส่วนหนึ่งมาจากความกลัว ไม่ใช่พื้นฐานเศรษฐกิจจริง หากสถานการณ์โลกเริ่มนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสงคราม หรือทิศทางดอกเบี้ยของเฟด ราคาทองอาจปรับฐานแรง
ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ “ปลอดภัยในวันที่โลกสั่น” แต่ก็เปราะบางในวันที่โลกเริ่มมั่นใจอีกครั้ง
ทองคำปี 2568 ภาพความไม่แน่นอนของโลก
ราคาทองคำที่พุ่งสูงและผันผวนในปี 2568 ไม่ได้เกิดจากตลาดโลก แต่มาจาก “ความกลัว” ของนักลงทุนและรัฐบาลทั่วโลก
มันคือภาพของเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ เงินเฟ้อที่ยังไม่ถูกควบคุม และนโยบายการเงินที่ทุกคนรอคำตอบ
คำถามสำคัญไม่ใช่ว่าทองคำจะขึ้นไปถึงไหน
แต่คือ “เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของยุคทองคำ... หรือจุดเริ่มต้นของฟองสบู่ครั้งใหม่?”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
