สรุปมาตรการ “ซื้อหนี้” กลุ่มไหนเข้าเงื่อนไข - เริ่มนโยบายเมื่อไร?

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจได้ให้ความเห็นชอบ "โครงการแก้ไขปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงิน เพื่อเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) รายย่อย โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถปิดจบหนี้และหลุดพ้นจากสถานะหนี้เสียได้อย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม
ลูกหนี้กลุ่มเป้าหมาย
โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่ลูกหนี้ที่มีภาระหนี้ NPLs ไม่มีหลักประกัน กับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกัน ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568
- จำนวนลูกหนี้เป้าหมายทั้งหมด: ประมาณ 3.4 ล้านราย
 - จำนวนบัญชีหนี้: 4.76 ล้านบัญชี
 - มูลค่าภาระหนี้รวม: กว่า 122,000 ล้านบาท
 
แนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ 2 กลุ่มหลัก
คาดว่าในเฟสแรกนี้จะมีบัญชีลูกหนี้ที่เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือกว่า 2.36 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้ประมาณ 62,400 ล้านบาท โดยแบ่งแนวทางการช่วยเหลือออกเป็น 2 กลุ่มหลัก:
1. กลไกการโอนหนี้ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)
กลุ่มนี้ประกอบด้วย ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ และลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
- กลไก: หนี้เสียจะถูกขายและโอนไปยัง AMC ที่ได้รับมอบหมาย ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) หรือ บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด
 - มาตรการช่วยเหลือ: AMC จะนำหนี้มาปรับโครงสร้างหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากยิ่งขึ้น เช่น การลดดอกเบี้ย, การไม่คิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม, หรือการให้จ่ายชำระเพียงบางส่วนเพื่อปิดบัญชี
 
2. มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เฉพาะของ SFIs
กลุ่มนี้คือ ลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์
- มาตรการช่วยเหลือ: SFIs จะมีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เป็นมาตรการเฉพาะของแต่ละธนาคารเพิ่มเติม เช่น มาตรการชำระบางส่วนเพื่อปิดบัญชี, การลดเงินต้นและยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด, มาตรการติดตามทวงถามที่ผ่อนปรนกว่าเกณฑ์ปกติ, และการปิดบัญชีตัดเป็นหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ที่ขาดศักยภาพในการชำระหนี้
 
การฟื้นฟูวินัยทางการเงินและการขอสินเชื่อใหม่
โครงการนี้ได้ประสานงานกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เพื่อกำหนด "รหัสพิเศษ" (รหัส 16) ให้กับลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ
- วัตถุประสงค์ของรหัสพิเศษ: เพื่อระบุว่าเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่อยู่ในโครงการช่วยเหลือ ทำให้ลูกหนี้ไม่ถูกจำกัดว่าต้องมีประวัติชำระหนี้ดีครบ 3 ปีจึงจะสามารถขอสินเชื่อใหม่ได้
 - โอกาสสินเชื่อใหม่: หากลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ดีอย่างต่อเนื่อง และธนาคารเห็นศักยภาพในการฟื้นตัว ก็สามารถพิจารณาปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ได้ โดยโครงการนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยให้ลูกหนี้กลับมาตั้งหลักและสร้างอนาคตใหม่ได้
 
แผนการดำเนินการถัดไป
- วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้: จะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง ธปท. สมาคมธนาคารไทย และบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อเริ่มการโอนหนี้อย่างเป็นทางการ
 - ระยะต่อไป: จะมีการพิจารณาขยายขอบเขตการช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-banks) ตามหลักการเดียวกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
 
ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. ย้ำว่า โครงการนี้เน้นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง โดยใช้แนวทางที่ผ่อนปรนมากเป็นพิเศษ ให้ลูกหนี้ชำระคืนได้ตามศักยภาพ แต่ยังคงยึดหลักไม่ให้เสียวินัยทางการคลัง ขณะที่นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นครั้งแรกที่เน้นให้ความสำคัญกับโครงสร้างและให้ลูกหนี้เป็นจุดศูนย์กลางอย่างแท้จริง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
