รีเซต

หุ้นน้องใหม่ PACO จ่อคิวเข้าเอ็มเอไอ เล็งขายหุ้น260ล้าน

หุ้นน้องใหม่ PACO จ่อคิวเข้าเอ็มเอไอ เล็งขายหุ้น260ล้าน
ทันหุ้น
21 ตุลาคม 2563 ( 09:30 )
281
หุ้นน้องใหม่ PACO จ่อคิวเข้าเอ็มเอไอ เล็งขายหุ้น260ล้าน

ทันหุ้น - สู้โควิด – “เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์” หรือ PACO หุ้นน้องใหม่เตรียมเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ หวังเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 260 ล้านหุ้น พร้อมตั้ง บล.คิงส์ฟอร์ด ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย


บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด(มหาชน) หรือ PACO จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 260 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท โดยมี บล.คิงส์ฟอร์ด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย


ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต.


ทั้งนี้ บมจ.เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิลฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถยนต์ทดแทนให้แก่ลูกค้าในประเทศ และต่างประเทศ โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ครอบคลุมถึงทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ และออสเตรเลีย ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาต เสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าว


สำหรับโครงการในอนาคต มี 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและย้ายจุดกระขายสินค้าในประเทศ เพื่อลดต้นทุนการจัดส่งสินค้าและเพื่อเพิ่มประสิทธิในการจัดส่งสินค้าของบริษัท คาดว่าจะใช้งบค่าใช้จ่ายในการลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จในปี 2565 ซึ่งใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 15 เดือน ส่วนโครงการที่ 2 ได้แก่ การจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและขยายตลาดในประเทศมาเลเซีย คาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท เริ่มจัดตั้งในไตรมาส 2/64


โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนจะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันทางการเงิน, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และลงทุนโครงการในอนาคต


โครงสร้างผู้ถือหุ้น


โครงสร้างผู้ถือหุ้น จะมีกกลุ่มนายสมชาย เลิศขจรกิตติ และครอบครัว ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 60% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 44.40% ส่วนผู้ถือหุ้นรองมาได้แก่กลุ่มนายสมศักดิ์ เลิศขจรกิตติ ถือหุ้น 16.38% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดเหลือ 12.12% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง