AOT บอร์ดเคาะเห็นชอบผลเจรจา และอนุมัติแก้ไขสัญญากับ “คิงเพาเวอร์”

AOT บอร์ดเคาะเห็นชอบผลเจรจา และอนุมัติแก้ไขสัญญากับ “คิงเพาเวอร์”
#ทันหุ้น #SET #AOT บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แจ้ง การแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท
อ้างถึง หนังสือบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ทอท.19770/2568 ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2568
ตามหนังสือที่อ้างถึง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้รายงานว่าในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 16/2568 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2568 ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. ตามรายงานผลการศึกษาของที่ปรึกษาเพื่อพิจารณาทางเลือกในการแก้ไขปัญหา จากกรณีที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ทำหนังสือถึง ทอท.เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้ฝ่ายบริหาร ทอท.ใช้ผลการศึกษาดังกล่าวเป็นกรอบในการเจรจากับ KPD เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ทอท. และเป็นธรรมต่อคู่สัญญา พร้อมเสนอผลการเจรจาให้คณะกรรมการ ทอท.พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ รายละเอียดได้รับทราบแล้ว
ในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 18/2568 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2568 ณ ห้องประชุมคณะกรรมการ ทอท. ชั้น 7 อาคารสำนักงานใหญ่ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบผลการเจรจาหาข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ตามผลการเจรจาของคณะทำงานเจรจาฯ และอนุมัติให้ ทอท.ดำเนินการแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรของทั้ง 5 ท่าอากาศยานตามผลการเจรจาดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญดังนี้
ทอท.พิจารณาทางเลือกหลัก 2 แนวทาง คือ การแก้ไขสัญญาเทียบกับการยกเลิกสัญญาเพื่อเปิดประมูลใหม่ ซึ่งสรุปว่าทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดคือการแก้ไขสัญญา เพื่อปรับเงื่อนไขให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการบริหารสัญญา ทำให้ ทอท.สามารถให้บริการผู้โดยสารได้ต่อเนื่อง คงไว้ซึ่งผลประโยชน์ระยะยาว และเกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ได้แก่
(1) ความต่อเนื่องของธุรกิจ ทอท.ยังให้บริการผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรเป็นบริการสำคัญ ลดความจำเป็นในการหาผู้ประกอบการรายใหม่ซึ่งใช้เวลาและมีความไม่แน่นอน (คาดใช้เวลาไม่น้อยกว่า 14 เดือน)
(2) รายได้มั่นคงกว่า ทอท.ยังคงได้รับค่าผลประโยชน์ตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีช่วงขาดรายได้ระหว่างการประมูลใหม่
(3) ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่า จากผลการศึกษาพบว่าแนวทางการแก้ไขสัญญาให้ผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำจากผู้ประกอบการรายใหม่ในสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ต่ำกว่าข้อเสนอของผู้ยื่นประมูลอันดับสอง
(4) ลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การยกเลิกสัญญาจะทำให้ ทอท.ขาดรายได้ ลดระดับการให้บริการ และกระทบการจ้างงานของธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ทอท.สรุปว่าแนวทางการแก้ไขสัญญามีประโยชน์มากกว่าการยกเลิกสัญญาแล้วเปิดประมูลใหม่ เนื่องจากหากยกเลิกสัญญา ทอท.จะขาดรายได้ค่าผลประโยชน์ตอบแทนจนกว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งคาดใช้เวลาไม่น้อยกว่า 14 เดือน และผู้ประกอบการรายใหม่อาจไม่สามารถให้ผลประโยชน์ตอบแทนในระดับที่เทียบเท่าหรือสูงกว่า จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทั้งนี้ แต่ละสัญญายังคงเงื่อนไข ได้แก่ 1) การเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) ซึ่งมีอัตราเติบโตปีละ 5% สอดคล้องกับการเติบโตเฉลี่ยของ GDP ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2) ส่วนแบ่งรายได้ 20% และ 3) ค่าผลประโยชน์ตอบแทนส่วนเพิ่ม (Upside) หากเข้าเงื่อนไข
รายละเอียดแนวทางการแก้ไขรายท่าอากาศยาน
1. ทสภ.
ทอท.ยังคงเรียกเก็บ MG ต่อหัวตามจำนวนผู้โดยสาร เรียกเก็บรายปี (เทียบเท่า 232.90 บาทต่อคน เติบโตปีละ 5%) และเจรจาเพิ่มส่วนแบ่งรายได้อีก 35% ของ Spending per Head ส่วนเกิน ซึ่งมากกว่าสัญญาเดิมที่เก็บเพียง 20%
ขยายสัญญาเพิ่ม 2 ปี เพื่อรองรับช่วงก่อสร้าง South Terminal ซึ่งคาดแล้วเสร็จปี พ.ศ.2575 และช่วงปิดซ่อมแซมอาคารผู้โดยสารปัจจุบันในปี พ.ศ.2575–2578 เพื่อให้การให้บริการปลอดอากรดำเนินต่อเนื่อง
2. ทดม.
คงการเรียกเก็บ MG ต่อตารางเมตร (39,187.76 บาท/ตร.ม./เดือน) และส่วนแบ่งรายได้ 20% ตามเดิม หากจำนวนผู้โดยสารฟื้นเกิน 100% จะกลับไปใช้อัตรา MG เดิม
ขยายอายุสัญญาเพื่อให้ผู้ประกอบการย้ายไปอาคารผู้โดยสาร 3 โดยผลการศึกษาระบุว่า การลงทุนใหม่ต้องมีอายุสัญญาเหมาะสมราว 5 ปี ดังนั้น หากสัญญาเดิมเหลือ 3 ปี จะขยายเพิ่มอีก 2 ปี ทั้งนี้ หากการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร 3 ล่าช้า จนทำให้สัญญาเหลือไม่ถึง 1 ปี ณ วันเปิดใช้งาน ทอท.ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกสัญญาเพื่อเปิดประมูลใหม่
3. ทภก., ทชม., ทหญ.
คงการเรียกเก็บ MG ต่อหัวตามจำนวนผู้โดยสาร เรียกเก็บรายปี (เทียบเท่า 129.67 บาทต่อคน เติบโตปีละ 5% ตั้งแต่ปี พ.ศ.2573 หรือเฉลี่ยสัญญาที่ 134.70 บาทต่อคน) และเจรจาเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ 35% ของ Spending per Head ส่วนเกิน เช่นเดียวกับ ทสภ. ซึ่งมากกว่าสัญญาเดิมที่เก็บ 20%
หลังการแก้ไขสัญญา หากธุรกิจฟื้นตัวตาม Proposal ของ KPD ทอท.ขอสงวนสิทธิ์เรียกเก็บผลประโยชน์ตอบแทนตามข้อเสนอเดิมใน Proposal
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
