รีเซต

อนาคตการส่งออกไทยหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ

อนาคตการส่งออกไทยหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ
TNN ช่อง16
6 พฤศจิกายน 2567 ( 14:34 )
7

การเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 กับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการส่งออกไทย: มุมมองจาก กกร.


การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่ออนาคตของสหรัฐอเมริกา แต่ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ให้ความเห็นว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจส่งผลโดยตรงต่อสินค้าไทยที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ และอาจเผชิญมาตรการทางการค้าใหม่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ 


ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์: American First และการขึ้นภาษีสินค้า


ทรัมป์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำนโยบาย “American First” ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ เขาไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการภาษีและการกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น กลุ่มสินค้าส่งออกของไทย เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นกลุ่มที่มีการเกินดุลการค้าสูง หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งและนำนโยบายภาษีเข้มงวดกลับมาใช้ ไทยอาจเผชิญกับการขึ้นภาษีนำเข้าซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของประเทศโดยตรง 


นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแนวโน้มที่จะลดบทบาทของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับตัวของประเทศคู่ค้า หากสหรัฐฯ หันไปเน้นนโยบายที่ลดต้นทุนทางการผลิตโดยไม่คำนึงถึงมาตรการสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยและผู้ประกอบการไทยอาจต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อรักษาตลาดสหรัฐฯ 


นโยบายของแฮร์ริส: สิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม


ในกรณีที่คามาลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง แนวโน้มที่เกิดขึ้นอาจเป็นนโยบายที่เน้นความร่วมมือระหว่างประเทศและการให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งต่างจากนโยบายของทรัมป์ หากแฮร์ริสให้ความสำคัญกับกติกาทางเศรษฐกิจโลกผ่านองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IMF, WTO และ World Bank ประเทศไทยอาจต้องเผชิญกับความคาดหวังจากสหรัฐฯ ในการปรับปรุงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนในการผลิตสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น อุตสาหกรรมยางพาราและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งไทยอาจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมในการผลิตเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่สหรัฐฯ กำหนด


นอกจากนี้ การขึ้นภาษีในยุคของแฮร์ริสอาจมุ่งเน้นไปที่กลุ่มสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงหรือสินค้าที่ผลิตโดยไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องพิจารณาปรับปรุงมาตรฐานการผลิตของตนให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น


การเตรียมพร้อมของภาครัฐและเอกชนไทย


นายสนั่นกล่าวว่า ทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องติดตามความคืบหน้าของนโยบายสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดและเตรียมหาแนวทางร่วมกันในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายที่จะมีผลต่อการค้าไทย-สหรัฐฯ โดยเฉพาะในกรณีที่นโยบายภาษีและการกีดกันทางการค้าถูกนำกลับมาใช้ ภาคเอกชนไทยอาจต้องหันมาให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงทางการค้าด้วยการเพิ่มตลาดส่งออกในประเทศอื่น ๆ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ 


นอกจากนี้ ไทยยังต้องสร้างความมั่นใจแก่สหรัฐฯ ว่าการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาที่ไทยไม่ได้เป็นการนำสินค้าจีนเข้ามาแปลงสัญชาติ เพราะหากไทยถูกมองว่าเป็นฐานการผลิตสินค้าจีน อาจเผชิญการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ เช่นเดียวกับที่จีนโดน ทั้งนี้ ภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือในการปรับกลยุทธ์การผลิตและการส่งออกให้สอดคล้องกับมาตรการของสหรัฐฯ และรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างสมดุลระหว่างสหรัฐฯ และจีน


ทางเลือกและความท้าทายของไทย


การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ถือเป็นความท้าทายใหม่ที่ไทยต้องเตรียมรับมือ เนื่องจากนโยบายของทั้งสองผู้สมัครจะส่งผลกระทบต่อการค้าของไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สำหรับไทย การติดตามการเลือกตั้งและปรับตัวตามสถานการณ์จะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ 


ทั้งนี้ การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อวางแผนเชิงกลยุทธ์และเพิ่มศักยภาพของสินค้าส่งออก จะช่วยให้ไทยยังคงแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ และรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งต่อไปในอนาคต




ภาพ Freepik 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง