สถานการณ์มะเร็งไทรอยด์ไทย ปี 2568 ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเพราะตรวจพบมากขึ้น–ผู้หญิงเสี่ยงสูงกว่าผู้ชายหลายเท่า

สถานการณ์มะเร็งไทรอยด์ของไทยในปี 2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก GLOBOCAN ระบุว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ 3,456 ราย คิดเป็นราว 1.19% ของมะเร็งทั้งหมดในประเทศ แม้ตัวเลขดูสูงขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า “สาเหตุสำคัญไม่ได้มาจากจำนวนผู้ป่วยจริงที่เพิ่มขึ้น” หากเกิดจากการตรวจพบเร็วขึ้นมากกว่าเดิม เนื่องจากโรงพยาบาลใช้เทคโนโลยีตรวจที่ละเอียด เช่น อัลตราซาวนด์และซีทีสแกน ทำให้พบก้อนเนื้อขนาดเล็กจำนวนมากซึ่งหลายก้อนไม่รุนแรงและไม่มีอาการ แต่ถูกบันทึกเป็นผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์ ส่งผลให้ตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นแบบที่เรียกว่า overdiagnosis
ในด้านสถิติ เพศหญิงยังเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่สุด โดยปี 2565 โรงพยาบาลมะเร็งลำปางพบอัตราป่วยในผู้หญิงสูงถึง 6.9 รายต่อแสนประชากร ขณะที่ผู้ชายอยู่ที่ 1.6 รายต่อแสนประชากร หรือผู้หญิงเสี่ยงมากกว่าผู้ชายราว 4.3 เท่า ในปีเดียวกันมีผู้ป่วยใหม่ 120 ราย เป็นผู้หญิงถึง 97 ราย สะท้อนให้เห็นว่าโรคนี้ยังคงพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเด่นชัด ขณะที่เมื่อพิจารณาตามพื้นที่ ภาคกลางมีอัตราป่วยสูงที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเข้าถึงการตรวจสุขภาพที่ง่ายและมีศูนย์การแพทย์จำนวนมาก ทำให้มีการตรวจพบโรคมากกว่าภูมิภาคอื่น
แม้ overdiagnosis จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตัวเลขผู้ป่วย แต่ปัจจัยเสี่ยงเดิม ๆ ยังมีผลต่อการเกิดโรค เช่น เคยได้รับรังสีบริเวณคอ มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งไทรอยด์ หรือมีปัญหาฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ รวมถึงภาวะขาดไอโอดีนในบางพื้นที่ แม้จะพบไม่มากนักในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน อายุที่ปลายสุดช่วงชีวิต ทั้งวัยน้อยกว่า 20 ปีและมากกว่า 70 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเมื่อพบก้อนในต่อมไทรอยด์
ปี 2568 ยังเป็นปีสำคัญของงานวิจัยคนไทยเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม โดยงานวิจัยหนึ่งพบว่า ยีนที่เป็นสาเหตุในประชากรจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีหลายชนิดกลับไม่พบความสัมพันธ์ในคนไทย แต่เมื่อตรวจแยกตามเพศ พบว่าในเพศชายมียีน 3 ชนิดที่สัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยให้เข้าใจว่าความเสี่ยงของคนไทยอาจแตกต่างจากประเทศในเอเชียตะวันออก และอาจนำไปสู่การพัฒนาการรักษาแบบเฉพาะบุคคลในอนาคต
ด้านการรักษา แนวทาง ATA 2025 ให้น้ำหนักกับการรักษาอย่างพอดี ไม่ทำเกินจำเป็น โดยอนุญาตให้ผู้ป่วยที่ก้อนมีขนาดเล็กและปลอดภัยสามารถเลือก “เฝ้าระวังแทนการผ่าตัด” ได้ ส่วนผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่ำอาจผ่าตัดเฉพาะบางส่วนของต่อมไทรอยด์แทนการผ่าตัดทั้งหมด ซึ่งช่วยลดผลข้างเคียงในระยะยาว สำหรับผู้ป่วยที่ดื้อการรักษาด้วยไอโอดีนเรดิโอแอคทีฟ จะได้รับยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับยีนที่ผิดปกติ ทำให้รักษาได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น
แบบจำลองข้อมูลปี 2023 คาดว่าในปี 2035 ไทยอาจมีผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 5,500 ราย แม้จำนวนผู้ป่วยอาจเพิ่ม แต่แนวโน้มการเสียชีวิตจะลดลงเหลือเพียง 0.50 ต่อแสนประชากร เพราะตรวจพบเร็วขึ้นและการรักษาแม่นยำขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่สัญญาณของโรคที่รุนแรงขึ้น แต่เป็นผลจากความสามารถในการตรวจพบได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นผลดีในภาพรวมของระบบสาธารณสุขไทย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
