“สหรัฐฯ” กลับมาขายอาวุธให้ "กัมพูชา" หลังแบนนาน 4 ปี พร้อมรื้อฟื้นการฝึกร่วมในรอบ 8 ปี

“สหรัฐฯ” กลับมาขายอาวุธให้ "กัมพูชา" หลังแบนนาน 4 ปี พร้อมรื้อฟื้นการฝึกร่วมทางการทหารในรอบ 8 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาได้ออกประกาศยกเลิกการห้ามขายอาวุธให้ กัมพูชา ซึ่งถือเป็นสัญญาณล่าสุดของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ หลังจากรัฐบาลพนมเปญให้การสนับสนุนข้อตกลงสันติภาพไทย–สหรัฐ ที่ผลักดันโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (7 พฤศจิกายน 2568) และเสริมว่าคำขอซื้อขายอาวุธใด ๆ กับกัมพูชา จะถูกพิจารณาเป็นรายกรณีไป
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจยกเลิกมาตรการดังกล่าว โดยพิจารณาจากความพยายามของกัมพูชาในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคง รวมถึงการกลับมาร่วมมือกับสหรัฐในด้านความมั่นคง การป้องกันประเทศ และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ หลังจากที่ได้บังคับใช้มาตรการนี้มานานกว่า 4 ปี
ประกาศนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีต เฮกเซธ ประกาศรื้อฟื้นการฝึกร่วมทางทหารกับกัมพูชาที่ถูกระงับมานานถึง 8 ปี
การกระชับความสัมพันธ์กับหนึ่งในประเทศพันธมิตรใกล้ชิดของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนถึงผลของการที่กัมพูชา ให้การสนับสนุนข้อตกลงสันติภาพกับไทยภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ เหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาช่วงต้นปีนี้ยุติลง หลังทรัมป์ขู่จะระงับข้อตกลงทางการค้ากับทั้งสองประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิธีที่ทรัมป์ใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยสั่งห้ามการส่งออกอาวุธให้กัมพูชาในปี 2564 โดยอ้างถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน การทุจริต และความร่วมมือทางทหารที่เพิ่มขึ้นระหว่างกัมพูชากับจีน อย่างไรก็ตาม ภายใต้มาตรการใหม่ การอนุมัติคำขอส่งมอบอาวุธให้กัมพูชาจะถูกพิจารณาเป็นรายกรณี
กัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่เสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัล โนเบลสาขาสันติภาพ ยังได้รับสิทธิ์ลงนามใน ข้อตกลงการค้าพิเศษกับสหรัฐฯ และให้คำมั่นว่าจะ เพิ่มความร่วมมือกับ FBI เพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯแสดงความกังวลมาโดยตลอดว่า กัมพูชาอาจเปิดทางให้จีนใช้ ฐานทัพเรือเรียม (Ream Naval Base) ในอ่าวไทยแบบผูกขาด ซึ่งรัฐบาลพนมเปญได้ปฏิเสธมาโดยตลอด ล่าสุด รัฐมนตรีกลาโหมเฮกเซธได้หารือกับรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาเกี่ยวกับการ เปิดทางให้กองทัพเรือสหรัฐเยือนฐานทัพเรือดังกล่าวในอนาคต
อย่างไรก็ดีกัมพูชายังคงถูกวิจารณ์อย่างหนักในประเด็นสิทธิมนุษยชน ทั้งการปราบปรามฝ่ายค้าน การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการใช้การควบคุมตัวโดยพลการเพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง
ขณะที่เกรกอรี มีคส์ ส.ส.พรรคเดโมแครตจากนิวยอร์ก และสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์โจมตีว่า ทรัมป์ได้บิดเบือนนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯต่อกัมพูชา โดยไม่คำนึงถึงความมั่นคงของชาติหรือคุณค่าของสหรัฐฯ โดยระบุว่าการยกเลิกการห้ามขายอาวุธเพียงเพราะรัฐบาลกัมพูชาพยายามเอาใจทรัมป์เพื่อสนับสนุนการชิงรางวัลโนเบล ถือเป็นการกระทำที่ประมาทเลินเล่ออย่างที่สุด โดยตัวเขาเองเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาคองเกรสที่เคยเดินทางเยือนกัมพูชาเมื่อปี 2565 เพื่อประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
