รีเซต

"สหรัฐฯ - ญี่ปุ่น" จับมือ ลั่นเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมความร่วมมือ "แร่หายาก"

"สหรัฐฯ - ญี่ปุ่น" จับมือ ลั่นเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมความร่วมมือ "แร่หายาก"
TNN ช่อง16
4 พฤศจิกายน 2568 ( 10:30 )
21

"สหรัฐฯ - ญี่ปุ่น" จับมือ ประกาศเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก


ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา ได้กลับเข้าสู่สัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นอีกครั้ง ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทอง ยุคใหม่ ที่มาพร้อมกับผู้นำหญิงคนใหม่ด้วย นั่นคือ ซานาเอะ ทาคาอิจิ  เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ พร้อมจับมือกับญี่ปุ่น ประกาศให้โลกรู้ว่า นี่คือพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และทรัมป์ยังยอดคำหวานว่าพร้อมช่วยเหลือญี่ปุ่นทุกทาง 


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นการเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 หรือ ทรัมป์ 2.0 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา  โดยในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และใช้โอกาสนี้กล่าวยกย่องพระองค์ว่าทรงเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทรัมป์กลายเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ หลังจากขึ้นครองราชย์ในปี 2562


และภายในวันเดียวกันนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำแห่งสหรัฐฯ ได้พบปะกับนางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของญี่ปุ่น ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และบรรยากาศในการพบปะของผู้นำทั้งสองชาติเป็นไปด้วยความชื่นมื่น และยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญนั่นคือการร่วมมือเรื่องแร่หายาก ที่เป็นหนึ่้งในตัวแปรสำคัญของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในเวลานี้ 


ทรัมป์ และทาคาอิจิ หรือในนามของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในเอกสารด้านการค้าและแร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals)  ซึ่งเป็นการสานต่อข้อตกลงทางการค้าที่เคยเจรจาเอาไว้ภายใต้รัฐบาลชุดก่อนของญี่ปุ่น หรือยุคของชิเงรุ อิชิบะ ก่อนที่จะลาออกจากตำแหน่ง  โดยการร่วมมือครั้งนี้มีสาระสำคัญ ตั้งแต่ด้านภาษี การขนส่ง และการลงทุน รวมถึงคำมั่นว่าญี่ปุ่นจะจัดสรรเงินลงทุนกว่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการของสหรัฐฯด้วย 


อย่างไรก็ตามสื่อรายงานว่าเอกสารจากทำเนียบขาวระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน โดยเนื้อหาด้านการค้าระบุเพียงว่าทั้งสองประเทศรับทราบด้วยความพึงพอใจถึงความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว และยืนยันพันธสัญญาอันแน่วแน่ในการดำเนินการตามข้อตกลงการค้า ส่วนข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญก็มีเพียงการให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันด้านการอนุญาต การจัดหาเงินทุน และการจัดทำแผนที่แหล่งแร่ โดยไม่มีรายละเอียดด้านปริมาณหรือระยะเวลาดำเนินการ


แต่อย่างไรสิ่งที่ประจักษ์ชัดเจน คือ ท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ชื่นชมและยกย่องผู้นำคนใหม่ของญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ  สำหรับการทำแผนเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างจริงจัง  และมั่นใจว่าสหรัฐฯและญี่ปุ่นได้ก้าวข้ามความขัดแย้งทางการค้าที่ผ่านมา และกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 


ทรัมป์กล่าวว่า “ผมอยากบอกว่าทุกครั้งที่คุณมีคำถาม มีข้อสงสัย หรือต้องการความช่วยเหลือใด ๆ จากสหรัฐฯ เราจะอยู่เคียงข้างญี่ปุ่นเสมอ เราคือพันธมิตรในระดับที่แข็งแกร่งที่สุด เราจะมีการค้าร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นจะยิ่งแน่นแฟ้นกว่าที่เคยเป็นมา”


สื่อรายงานว่าการพบกันครั้งนี้เน้นบรรยากาศมิตรภาพมากกว่าการเจรจาเชิงเทคนิค ขณะที่ทาคาอิจิ นายกฯญี่ปุ่น กล่าวว่า จะเสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ (Nobel Peace Prize) เพื่อยกย่องบทบาทด้านการทูตของทรัมป์ ส่วนทรัมป์ก็ได้มอบหมวกกอล์ฟลายปักคำว่า “JAPAN IS BACK” สีทอง ให้กับทาคาอิจิเป็นที่ระลึกด้วย ส่วนทางด้านของทาคาอิจิ ได้มอบพัตเตอร์และถุงกอล์ฟที่ลงนามโดยฮิเดกิ มัตสึยามะ แชมป์เดอะมาสเตอร์ส ให้กับทรัมป์เป็นของขวัญเชิงสัญลักษณ์


นอกจากนี้ผู้นำของสหรัฐฯยังกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างทาคาอิจิกับอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งถูกลอบสังหารเมื่อปี 2565 พร้อมเยินยอผู้นำหญิงคนนี้ว่า เธอจะเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว 


ขณะที่ทาคาอิจินายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐฯได้พัฒนาเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เราจะมีส่วนร่วมกันในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพของโลก ในฐานะผู้นำ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง


"ทรัมป์" จับมือ "ทาคาอิจิ" ร่วมมือ "แร่หายาก" หวังลดพึ่งพาจีน


ญี่ปุ่น จับมือกับสหรัฐฯ ร่วมมือเรื่องของ "แร่หายาก"  ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ หลังจากตระเวนลงนามทำข้อตกลงในเรื่องนี้มาแล้วหลายประเทศ

 

"แร่หายาก" ได้กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับเวทีการค้าโลกในช่วงเวลานี้ หลังจากทางการจีนได้จำกัดและคุมเข้าการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมขั้นสูงและเทคโนโลยี และไปกระทบกับสหรัฐอเมริกาโดยตรง เพราะจำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าสำคัญ ซึ่งความเคลื่อนดังกล่าวถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเกมสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขึ้นภาษีการค้าไปยังจีนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา  และผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าจีนอาจจะอยู่ในจุดที่ถือไพ่เหนือกว่าสำหรับเรื่องนี้  เพราะจีนเป็นจ้าวแห่งแร่หายากทั้งในแง่เทคโนโลยีการผลิตและปริมาณสำรอง ที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 90% ของโลก


เมื่อจีนผูกขาด สหรัฐฯก็ต้องหาทางรอด หาผู้ผลิตใหม่ๆ ร่วมถึงล่าสุด ก็คือ ความร่วมมือครั้งนี้ระหว่าง “สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น”  ด้วยการลงนามเอกสารที่มีชื่อว่า “Framework Agreement on Critical Minerals”  Critical Minerals Framework สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เอกสารระบุว่าทั้งสองรัฐบาลจะทำงานร่วมกันเพื่อ สนับสนุนการจัดหาและการแปรรูปวัตถุดิบแร่ธาตุหายากที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมในประเทศของทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่น


มีการกำหนดกรอบความร่วมมือกว้างครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การสนับสนุนทางการเงิน มาตรการทางการค้า การสำรองวัตถุดิบเชิงยุทธศาสตร์ ไปจนถึงการร่วมลงทุนในโครงการใหม่ โดยระบุสินค้าหลักที่เกี่ยวข้อง เช่น แม่เหล็ก แบตเตอรี่, ตัวเร่งปฏิกิริยา และวัสดุออปติคัล


ทั้งนี้ตามเอกสารข้อตกลงระบุว่า เป้าหมายของผู้ร่วมลงนาม คือการเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและแร่หายาก ทั้งในขั้นตอนการทำเหมือง การแยก และการแปรรูป และภายใน 6 เดือนหลังลงนาม สหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีแผนที่จะดำเนินมาตรการสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการที่ได้รับคัดเลือก เพื่อผลิตสินค้าสำเร็จรูปสำหรับส่งมอบให้ผู้ซื้อในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น รวมถึงประเทศพันธมิตรที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน


โดยข้อตกลงครั้งนี้ของสหรัฐกับญี่ปุ่นเกิดขึ้นต่อเนื่องจากดีลระหว่างสหรัฐ-ออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือ เพิ่มความมั่นคงด้านการเข้าถึงแร่หายากและแร่ธาตุสำคัญของสหรัฐ หลังจากจีนประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายากตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ในสัปดาห์เดียวกัน สหรัฐยังได้ลงนามข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญกับ มาเลเซีย และไทย เพื่อขยายเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง