ลงทุนใน Bitcoin ทำได้อย่างไร?
การลงทุนในบ้านเรามีหลากหลายรูปแบบ ให้เราเข้าไปบริหารความเสี่ยง แต่ในปัจจุบันหลายๆท่านคงเคยได้ยินคำว่า 'Bitcoin' ซึ่งก็พอจะทราบว่ามันคือสกุลเงินดิจิทัล แต่ทราบหรือไม่ว่าเราสามารถลงทุนในสกุลเงินแบบนี้ได้ จะเป็นอย่างไร วันนี้ trueID จะพาทุกท่านไปพบกับวิธีการลงทุนชนิดนี้กัน
การลงทุนใน 'Bitcoin' มีกี่วิธี?
การลงทุนใน 'Bitcoin' มีการลงทุนหลักๆอยู่ 2 แบบก็คือ การเทรด และการขุด
1.การเทรด 'Bitcoin'
ภาพโดย Sergei Tokmakov, Esq. จาก Pixabay
สำหรับคนธรรมดาถ้าจะให้ลงทุนการทำเหมืองขุดเหรียญ ก็อาจไม่มีกำลังทรัพย์มากพอ ตลาดซื้อขายเหรียญจึงเป็นคำตอบ ในปัจจุบันตลาดขายเหรียญมีมากมายให้เราเลือกซื้อในบ้านเราก็มีหลายเจ้า หรือจะข้ามไปซื้อที่ตลาดของต่างประเทศ ก็ทำได้ทั้งผ่านเว็บไซต์ และแอปฯ บนมือถือ ที่เปิดให้บริการ การเริ่มต้นจะต้องมีการเปิดบัญชีซื้อขาย แล้วยืนยันตัวตนกับทางตลาดขายเหรียญ
หากเราซื้อเหรียญ Bitcoin จากตลาดขายเหรียญในประเทศ เราสามารถผูกบัญชีธนาคารที่มีอยู่กับทางตลาดขายเหรียญได้เลย สามารถโอนเงิน ถอนเงิน ซื้อขายด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยได้ทันที แต่ถ้าเราต้องการซื้อเหรียญ Bitcoin จากตลาดขายเหรียญที่ต่างประเทศจะมีขั้นตอนที่เพิ่มสักเล็กน้อย โดยเราจะต้องเปิดบัญชีใหม่ที่ทางตลาดขายเหรียญเป็นผู้กำหนด และจะต้องแลกเปลี่ยนเงินบาทไทย เพื่อไปเป็นเงินสกุลอื่นก่อนที่จะเริ่มซื้อขาย โดยอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมหากมีการซื้อ-ขายเล็กน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของตลาดขายเหรียญ หรือหากใครคิดว่าค่าธรรมเนียมในการซื้อขายผ่านตลาดขายเหรียญสูงเกินไป ในตลาดขายเหรียญที่ต่างประเทศก็เปิดให้เราซื้อขายเหรียญโดยตรงกับเจ้าของเหรียญได้เลย วิธีแบบนี้เรียกว่าการซื้อแบบ P2P (Peer to Peer) ที่เราจะสามารถซื้อ-ขายโดยตั้งราคาไม่อิงราคากลางของตลาดซื้อขาย จะขายราคาเท่าไหร่ก็ได้ ตามที่ตกลงกัน
สำหรับวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายในการหาเหรียญ Bitcoin มาครอบครอง เพราะซื้อง่าย ขายได้ไว หากใครอยากลงทุนในตลาดของเหรียญ Cryptocurrency ทางเลือกนี้ก็เปิดวิธีที่ทำได้ง่าย และปลอดภัย
วิธีเทรดบิตคอยน์ตามตลาดซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ก็ได้ เริ่มจากสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ที่ได้รับใบอนุญาตจากศูนย์ซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ซึ่งมีอยู่มากมาย เช่น bitkub, satangcorp, Huobi , zipmex
เคล็ดไม่ลับ สำหรับการเทรด Bitcoin
สำหรับการเทรด Bitcoin นั้น มีอยู่หลายแบบ ทั้งลงทุนระยะสั้น ระยะยาว แนะนำให้ดูที่เงินลงทุนก่อนว่าเหมาะกับการปล่อยไว้แบบไหน เพื่อที่จะได้เป็นอีกทางในการช่วยกระจายความเสี่ยง และเพื่อให้เกิดผลที่คุ้มค่าที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยนั้นก็คือการอัปเดตข่าวสาร และข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะมือใหม่ เพราะการรู้ข่าวที่ทันสถานการณ์ จะช่วยให้คุณบริหารการลงทุนได้อย่างเหมาะสม โดยราคาของเหรียญ Bitcoin จะขึ้นหรือลงก็อยู่กับข่าวสาร ถ้ามีนักลงทุน หรือธุรกิจใหญ่ให้ความสนใจเข้ามาเทรดซื้อเหรียญ ก็อาจทำให้ราคาของเหรียญพุ่งขึ้น หรือมีกระแสในโซเชียลมีเดีย ก็อาจทำให้ราคาของเหรียญผันผวนได้เหมือนกัน
มือใหม่ต้องรู้ ถ้าไม่อยากขาดทุน
สำหรับมือใหม่อย่าเพิ่งใจร้อน และรีบอยากได้กำไร เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่เสมอ นักลงทุนจึงควรต้องศึกษาข้อมูลการลงทุนให้เข้าใจ โฟกัสที่ภาพใหญ่ของตลาด Bitcoin ก่อน อีกทั้งในวงการ Cryptocurrency มีข่าวในด้านบวกและด้านลบ ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลในเรื่องของราคาและความเชื่อมั่น เลยยิ่งต้องใช้ความคิดและสติให้มาก ๆ หากใครที่คิดว่าการถือครองเหรียญในระยะยาวอาจทำให้มีกำไรที่มากขึ้น ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าใครรับความเสี่ยงไม่ได้เมื่อเห็นราคาที่อาจลดลงมาเยอะในบางช่วง การรีบเข้ามาทำกำไร เทรดสั้น ๆ ได้กำไรน้อย แต่ทำกำไรบ่อย วิธีนี้เราก็สามารถมีความสุขกับการลงทุนแบบนี้ได้ หรือที่ภาษาในวงการลงทุนกล่าวไว้ว่า “ขายหมู ดีกว่าติดดอย”
ในตอนนี้การลงทุนใน Bitcoin ผู้ลงทุนอาจพบเจอกับความผันผวนของราคาที่ไม่แน่นอน เพื่อให้เงินของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ควรลงทุนในช่องทางเดียว แต่ควรกระจายความเสี่ยงไปในการลงทุนหรือเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีการลงทุนในหุ้นบริษัทที่ลงทุนใน Bitcoin หรือได้รับประโยชน์จาก Bitcoin เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง
2.การขุด 'Bitcoin'
ภาพโดย Лечение Наркомании จาก Pixabay
การขุด 'Bitcoin' คืออะไร
'Bitcoin' เป็นสกุลเงินดิจิทัลชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับเงินดิจิทัลตัวอื่น ๆ เช่น Ripple, Litecoin, Ethereum เป็นต้น ซึ่งเงินดิจิทัลเหล่านี้จะมีจุดแตกต่างจากสกุลเงินหลัก คือ ไม่มีหน่วยงานส่วนกลางใดเป็นผู้รับรอง แต่ใช้การเข้ารหัสทางคณิตศาสตร์ยืนยันการทำธุรกรรมแทน โดยมีกลไกของเทคโนโลยี Blockchain ทำงานอยู่เบื้องหลัง คอยประมวลผลข้อมูลเป็น Block ต่อกันเป็นสายโซ่ สร้างแรงจูงใจให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้รหัส แล้วได้ผลตอบแทนเป็นเงินดิจิทัลสกุลนั้น ๆ หรือที่เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า นักขุด (Miners) นั่นเอง
การขุดเหรียญ จึงเป็นเหมือนการแก้โจทย์สมการของระบบ Blockchain ไปเรื่อย ๆ และจะมีความยากของการเข้ารหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ทำให้ต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลแรงมาก ๆ มาช่วยแก้รหัส ซึ่งเป็นที่มาของข่าวการ์ดจอขาดตลาดที่เราเห็นกัน นอกจากนี้แต่ละเหรียญดิจิทัลยังออกแบบการทำงานของอัลกอริทึมไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องมีการประมวลผล และเลือกใช้อุปกรณ์ในการขุดที่เหมาะสมแตกต่างกันไป
การขุด 'Bitcoin' มีกี่แบบ?
การขุด 'Bitcoin' มีอยู่สองแบบได้แก่ การใช้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ขุดด้วยตัวเอง และขุดแบบ Cloud Mining
1.การขุดด้วยตัวเอง
เป็นวิธีที่ลงทุนซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มาขุดเอง ซึ่งใช้การ์ดจอคุณภาพสูง หรือใช้เครื่องขุด 'Bitcoin' โดยเฉพาะที่เรียกกันว่าเครื่อง ASIC Mining โดยขั้นตอนการขุดมีดังนี้
- จัดชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้พร้อมสำหรับการขุด โดยสเปกที่ปัจจุบันนิยมคือ
CPU จะเน้นใช้พลังประมวลผลจากการ์ดจอเท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นเลยจะต้องไปใช้ CPU ที่มีคอร์มากๆ อย่างพวก i7 หรือ Ryzen ส่วนใหญ่จึงจะซื้อกันเพียงแค่ Pentium G รุ่นราคาถูกที่สุดในซีรีย์ ของเมนบอร์ดนั้นๆ
Ram แรมเองก็เช่นกัน ตัว Script ที่ใช้ในการขุดนั้น จะไม่ได้ใช้หน่วยความจำมากมายนัก เราสามารถใช้เพียง 4GB ก็เพียงพอแล้วสำหรับการรันขุด
Mainboard ตัวนี้จะเป็นตัวนึงที่ค่อนข้างหายากทีเดียว โดยที่เราจะเน้นรุ่นที่สามารถใส่การ์ดจอได้เยอะๆ โดยที่ต้องสังเกตุที่ช่อง PCIe นั้น ต้องนับรวมกันแล้วมีไม่ต่ำว่า 5 ช่อง เพื่อที่จะพ่วงการ์ดจอได้เยอะๆ คุ้มๆ
VGA Card หรือการ์ดจอตัวนี้เป็นตัวหลักที่ทำรายได้ให้เราเลยก็ว่าได้ รุ่นที่ควรใช้ก็คือ รุ่นที่มีประสิทธิภาพในการ Hashing สูง และคุ้มค่าไฟ+ต้นทุนที่คุ้มค่า ทางเราได้ทำการหาข้อมูลมาแล้วจึงพบว่า การ์ดที่คุ้มค่าที่สุด และควรใช้ก็คือ RX470 RX570 4GB และ GTX1060 3GB
ตอนนี้เรียกได้ว่าขาดตลาดอย่างแท้จริง เดินไปร้านไหนก็หมด เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเจอเลยทีเดียว ช่วงนี้ใครเล็งจะประกอบคอมใหม่ก็อาจจะต้องหลบไปเป็นพวก GTX1050Ti / GTX1060 6GB กันไปก่อนนะครับ
Storage ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูลอะไรมากมายนักใช้เพียงแค่เก็บScript สำหรับขุดเท่านั้น แต่ตัวเลือกที่ดีก็คือ SSD แบบ SATA3 ที่มีราคาถูกที่สุด ยี่ห้ออะไรก็ได้ ในช่วงความจุ 120 GB จะเป็นรุ่นที่เหมาะสมมากๆ ครับ ไม่ควรใช้แบบ M.2 เพราะอาจจะไปแย่งเลน PCI ของการ์ดจอ ทำให้มองเห็นการ์ดจอได้ไม่ครบก็ได้ รุ่นที่แนะนำ Kingston SUV400 120GB
Powersupply เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่เริ่มหายาก โดยแท่นขุดยอดนิยมแบบที่ใช้การ์ดจออย่าง GTX1060 / RX470 นั้นจะใช้พาวเวอร์ซัพพลายประมาณ 1000W หรือจะใช้แบบ750Wx2 ลูก ก็จะกำลังเหมาะสม แนะนำให้ใช้ระดับ 80+ gold ขึ้นไปด้วย จะทำให้ประหยัดไฟในระยะยาว ส่วนยี่ห้อนั้น ควรดูเป็นแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Corsair, EVGA, Antec, Seasonic, XFX, Thermaltake, Superflower เพื่อความมั่นใจในชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ภายในที่จะไม่ระเบิดเวลาเราอยู่นอกบ้านด้วยครับ (แถมเสียเวลารอเคลมอีก)
หากใครต้องการจะลงทุนจริงๆ จังๆ ก็ควรจะศึกษาถึงมันให้มากๆ ครับ การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ส่วนใครยังที่ขุดอยู่ก็คงจะยิ้มแก้มปริไปตามๆ กัน เพราะเรทราคาช่วงนี้มันดีจริงๆ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการขุดครับผม สนนราคาจัดสเปคคอมเพื่อขุดจะอยู่ที่ 50,000 – 100,000 บาท
Case โดยส่วนใหญ่จะซื้อแบบโครงอลูมิเนียมที่ทำขายกันที่กรุ๊ปเฟซบุ๊คอันละประมาณ พันกว่าบาท หรือบางท่านจะหาชั้นวางของแมคโครมาใช้ก็ได้ หรือจะให้ประหยัดสุดๆ ก็ทำเองเลยครับ
สายพ่วงการ์ดจอแบบ PCI-E 1X to PCI-E 16X (สายไรเซอร์) ส่วนใหญ่จะใช้แบบ USB 3 สาเหตุก็คือต้องการเสียบให้ได้เยอะๆ ไม่ได้เน้นแบนด์วิท การ์ดจอจะส่งเพียงแค่ข้อมูลรหัส HASH ขนาดเล็กๆ จึงไม่ต้องกังวลว่าวิ่งเต็ม 16X 8X เพราะใช้เพียง 1X ก็เพียงพอแล้ว
สุดท้ายนี้หากใครต้องการจะลงทุนจริงๆ จังๆ ก็ควรจะศึกษาถึงมันให้มากๆ ครับ การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ส่วนใครยังที่ขุดอยู่ก็คงจะยิ้มแก้มปริไปตามๆ กัน เพราะเรทราคาช่วงนี้มันดีจริงๆ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการขุดครับผม สนนราคาจัดสเปคคอมเพื่อขุดจะอยู่ที่ 50,000 – 100,000 บาท
เครื่อง ASIC Mining / ภาพโดย InstagramFOTOGRAFIN จาก Pixabay
สำหรับเครื่องขุด 'Bitcoin' โดยเฉพาะ เครื่อง ASIC Mining ปัจจุบันเป็นรุ่น Antminer S19 - 110 TH/s ราคาของมันจะอยู่ที่ราว ๆ 10,000 ดอลลาร์ หรือ 3 แสนเบาทต่อเครื่องเท่านั้น!!!
- เปิดใช้กระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (Wallet)
Wallet ทำหน้าที่เหมือนกระเป๋าเก็บเงินของเรามีทั้งกระเป๋า เมื่อเวลาเราขุดเหรียญออกมาได้ Wallet ก็จะทำหน้าที่เหมือนบัญชีธนาคารที่คอยเก็บเงินเอาไว้ให้ สำหรับเว็บไซต์สมัคร Wallet ที่คนนิยมกันก็อย่างเช่น bitkut และ blockchain ข้อควรระวังก็คือต้องเก็บรักษารหัสผ่าน และprivate key ไว้ให้ดี เพราะถ้าหายจะไม่สามารถกู้คืนได้
- ติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับขุด
โดยโปรแกรมที่นิยมใช้ในการขุดบิตคอยน์ก็มีมากมายหลายตัวเลย เช่น NiceHash Miner, BFGMiner, EasyMiner, RPC Miner ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มีวิธีการใช้งานและความสามารถที่แตกต่างกันไป
- ขั้นตอนสุดท้ายรันระบบในโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ เพื่อทำการขุดบิตคอยน์
หากถอดรหัสสำเร็จระบบจะโอน Bitcoin เข้า Wallet ที่เราลงทะเบียนไว้ ซึ่งบางที่จะมีการกำหนดขั้นต่ำไว้ด้วย เช่น NiceHash Miner มีขั้นต่ำอยู่ที่ 0.0001 BTC ถึงจะโอนเข้า Wallet ได้
ข้อดีของวิธีนี้คือ เราจะได้เงินจากการขุดเต็ม 100% โดยไม่ต้องแบ่งใคร และเป็นเจ้าของเครื่องขุดด้วยตัวเอง
แต่ก็มีข้อเสีย เรื่องเงินลงทุน ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออุปกรณ์ถ้าอยากจะขุดแบบจริงจัง และยังมีเรื่องค่าซ่อมบำรุง ค่าไฟ (เพราะต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอด 24 ชั่วโมง) รวมถึงจำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคที่ดีด้วย ถึงจะเหมาะกับการขุดด้วยวิธีนี้
2. ขุดแบบ Cloud Mining
โดย sommthink
การขุด Bitcoin แบบ cloud mining เป็นการขุดที่ไม่เปลืองแรงจัดการและบริหารเครื่องขุดของตัวเอง พูดกันอย่างง่ายๆเลย ระบบ cloud mining คือการแชร์พลังในการขุดของเครื่องขุดที่รันจากเครื่องตัวแม่ โดยผู้ใช้บริการสามารถที่จะใช้แค่เครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง และการเป๋าเก็บ Bitcoin เพียงแค่นั้นก็สามารถที่จะขุด Bitcoin ผ่านระบบ cloud mining ได้ อย่างไรก็ตาม การทำ cloud mining นั้นมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร ผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ
ประเภทของการทำ Cloud Miningโดยทั่วๆไปแล้ว มันจะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน
- การขุดแบบเช่าเครื่อง เช่าเครื่องขุดที่ทางผู้ให้บริการทำไว้ให้ผ่านโฮส
- การขุดแบบใช้โฮสเสมือนจริง โดยการสร้างเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวและติดตั้งซอฟต์แวร์การขุดด้วยตัวเอง
- เช่าพลังในการขุด (Hashing Power) เช่าพลังในการขุดโดยมีหน่วยที่คิดเป็น Hash โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องขุด (ประเภทนี้ถือเป็นที่นิยมที่สุด) เช่น genesis-mining
ข้อดี
- ที่บ้านเงียบ ไม่จำเป็นต้องมาทนฟังเสียงพัดลมระบายความร้อนจากเครื่องขุด
- ไม่ต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่บ้าน
- ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิค
- ไม่จำเป็นต้องมานั่งปวดหัวเรื่องขายเครื่องขุดมือสอง เมื่อเครื่องที่ใช้อยู่เริ่มตกรุ่น
- ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากอัคคีภัย
- ไม่ต้องมาทะเลาะกับซัพพลายเออร์ที่ขายเครื่องขุด
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงต่อการถูกหลอกและโกง
- การขุดเหรียญที่ในบางครั้งไม่โปร่งใส
- ไม่สนุก (ถ้าหากคุณเป็นพวกที่ชอบระกอบอุปกรณ์เอง!)
- กำไรค่อนข้างต่ำ (เนื่องจากเจ้าของ cloud ก็ต้องจ่ายค่าอุปกรณ์เหมือนกัน)
- สัญญาการขุดที่ในบางครั้งบอกว่าจะต้องปิดตัวลงอันเนื่องมาจากราคาของ Bitcoin ที่ต่ำ
ฝากไว้ก่อนจาก หากเราคิดจะลงทุน Bitcoin หรือเหรียญดิจิทัลทางเลือกอื่น ๆ ละก็ อันดับแรกอยากให้คิด และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อน ต้องทำการบ้านเยอะๆ เพราะต้องเข้าใจว่าการลงทุนแบบนี้มีความเสี่ยงสูง เต็มไปด้วยความซับซ้อนและผันผวนอยู่มาก หากขาดความรู้ ความเข้าใจที่ดีพอ ก็มีโอกาสที่เราจะขาดทุนได้สูง
ข้อมูล : notebookspec , siamblockchain , krungsri
ภาพโดย Pete Linforth จาก Pixabay
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- โทเคน กับ สกุลเงินดิจิทัลต่างกันอย่างไร?
- ย้อนดูราคา "บิทคอยน์" ราชาแห่ง cryptocurrency
- รวม ราคาน้ำมัน⬆ ราคาทอง⬇ ราคาบิตคอยน์ (ฺBitcoin)⬆ ตลาดหุ้น⬇ อัตราแลกเปลียนค่าเงิน ล่าสุด
- 'บิตคอยน์' หรือสกุลเงินดิจิทัลคืออะไร
- altcoin คืออะไร! cryptocurrency ที่มีมากกว่า บิตคอยน์
- ทำความรู้จัก CBDC สกุลเงินดิจิทัลที่ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มใช้กัน