รีเซต

altcoin คืออะไร! cryptocurrency ที่มีมากกว่า บิตคอยน์

altcoin คืออะไร! cryptocurrency ที่มีมากกว่า บิตคอยน์
TrueID
18 มกราคม 2564 ( 12:18 )
6.1K
altcoin คืออะไร! cryptocurrency ที่มีมากกว่า บิตคอยน์

จากราคาบิตคอยน์ที่ถีบตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ทำให้นักลงทุนจากที่ต่างๆ กระโดดเข้ามาลงทุนในตลาด cryptocurrency ซึ่งนอกจากบิตคอยน์แล้วยังมี cryptocurrency อีกชนิดหนึ่ง ที่สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับผู้ลงทุน ซึ่งนั่นก็คือ Altcoins วันนี้ trueID  news จะพาไปรู้จักกับ Altscoins ว่าคืออะไร

 

Altcoins คืออะไร ?

Altcoins คือ คำที่เอาไว้เรียก Cryptocurrency ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain เช่นกันแต่ไม่ใช่ Bitcoin คำว่า Altcoins มาจากการรวมคำว่า “Alternative ซึ่งแปลว่าทางเลือก” และ “Coin” เข้าด้วยกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันเป็นเหรียญอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Bitcoin คำดังกล่าวเกิดขึ้นจากในช่วงหลังจากที่ Bitcoin เริ่มได้รับความนิยม มีผู้ที่สร้าง Cryptocurrency เพิ่มขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เหรียญเหล่านั้นก็ไม่ค่อยมีมูลค่าเท่าไรนัก เป็นเพียงแค่การสร้า งตามเทรนด์ ทำให้จำเป็นต้องมีคำนี้ขึ้นมาเพื่อแยกระหว่างเหรียญหลักๆ เช่น Bitcoin และเหรียญเล็กๆ เช่น Altcoins Altcoins จะมีหลากหลายสกุล เช่น Ethereum, Litecoin, Bitcoin Cash, EOS และอื่นๆอีกมากมาย หลักๆแล้วมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ให้ได้มีประสิทธิภาพกว่า Bitcoin ยกตัวอย่างเช่น Litecoin เป็น Altcoins ตัวแรก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี 2011 และปัจจุบันมันก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

Altcoins ต่างกับ Bitcoin อย่างไร ?

Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอล แต่ในทางเทคนิคแล้วมันเป็นอีกสองสามอย่าง เป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้คนใช้งาน (Bitcoin Core) และ blockchain พื้นฐานที่คอยติดตามว่าใครมี Bitcoin บ้าง

ในขณะที่แนวคิดของ blockchain นั้นถูกคิดค้นโดยผู้สร้าง Bitcoin แต่ Bitcoin ก็ไม่ได้ผูกขาดเทคโนโลยี blockchain คนอื่นสามารถสร้าง cryptocurrencies ของตัวเองและบล็อกของตนเองและนั่นคือสิ่งที่ cryptocurrencies

ความแตกต่างนี้มาจากไหน Bitcoin ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 เป็นสกุลเงินดิจิตอลแรกในโลก ในช่วงปีแรก ๆ ของการดำรงอยู่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้ยินเกี่ยวกับแนวคิดของ Satoshi Nakamoto และเกี่ยวกับ เทคโนโลยี blockchainแใครอยู่เบื้องหลัง bitcoin ในเวลานั้นไม่มีสกุลเงินเสมือนอื่น ๆ ที่ตรงกับคำจำกัดความของ cryptocurrencies วันนี้ ดังนั้นคำว่า cryptocurrency จึงมีความหมายเหมือนกับ bitcoin

ไม่กี่ปีต่อมา cryptocurrencies ใหม่เริ่มปรากฏขึ้นมีทางเลือกทางเทคโนโลยีเพื่อ Bitcoin altcoin แรกถือเป็น Namecoina ที่สร้างขึ้นใน 2011 ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชื่อเสียง ไลท์คอยน์ หรือ Litecoin (LTC) เป็น รุ่นปรับปรุงของ bitcoin ปัจจุบันมี altcoins กว่า 3,000 ชนิด

การแยกประเภท altcoin - bitcoin นั้นใช้ในการเก็งกำไรในตลาดหุ้นด้วย บ่อยครั้งที่ราคาของ altcoins ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมคล้ายกันในระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาที่ระบุของ bitcoin ตัวอย่างเช่นเมื่อราคาของ bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราคาของ altcoins อาจลดลงเนื่องจากการไหลของเงินทุน

 

5 อันดับ Altcoin ที่นักลงทุนนิยมซื้อขายที่สุด

1.Ethereum(ETH)

เครือข่าย Ethereum ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างสัญญาอัจฉริยะ(Smart Contract)และแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ

Ether ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Ethereum เมื่อมีคนพูดถึงการซื้อขายการลงทุนหรือการจ่ายเงินด้วย Ethereum จะหมายถึงสกุลเงิน Ether

Ethereum ได้รับการยกย่องให้เป็นสกุลเงินดิจิตอลอันดับสองรองจากบิตคอยน์ Ethereum มีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากบิตคอยน์ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับสองในบรรดาสกุลเงินดิจิทัลซึ่งตามหลัง Bitcoin ด้วยเหตุนี้ ETH จึงถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ดึงดุดใจสำหรับนักลงทุนที่สนใจใน crypto

Ethereum และ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลทั้งคู่ แต่มีฟังก์ชันที่แตกต่างกันโดยพื้นฐาน นักลงทุนคริปโตที่ชาญฉลาดจะพิจารณาลงทุนใน ETH และ BTC ทั้งคู่ แต่ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายของ ETH สำหรับนักลงทุนที่มีเงินทุนไม่มาก ETH อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า


2.Ripple (XRP)

XRP เป็นเงินและสินทรัพย์ดิจิตอลสำหรับการชำระเงินแบบ  Peer-to-Peer บน Open-Source Blockchain ซึ่งใช้ Public Ledger (XRP Ledger) หลายคนอาจสับสนระหว่าง XRP และ Ripple ซึ่ง Ripple คือ เครือข่าย Private/Consortium Blockchain สำหรับการชำระเงินของสถาบันการเงินที่ใช้ XRP เป็นสกุลเงินตัวกลางหรือสะพาน (Bridge Currency) ในการทำธุรกรรมข้ามสกุลเงิน (รวมถึง Bitcoin ด้วย) โดยสรุปคือ Ripple และ XRP ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แต่ XRP ที่เทรดกันในตลาดนั้นไม่ได้ใช้ระบบเครือข่ายร่วมกับสถาบันการเงินที่ใช้หรือมี Ripple เป็นเจ้าของแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามแม้จะมีความพยายามเพิ่มจำนวน Validator เพื่อให้ XRP มีความเป็น Decentralized มากขึ้น แต่ธุรกรรมก็สามารถถูก Freeze ได้ที่ปลายทางเมื่อเงินที่โอนนั้นถูกแลกเปลี่ยนเป็นสกุลอื่นที่ไม่ใช่ XRP หากพบว่าธุรกรรมนั้นน่าสงสัย

ในเริ่มแรกนั้นถูก XRP สร้างมาให้ใช้ใน Ripple ซึ่ง Ripple นั้นพัฒนาโดย Ryan Fugger (2004), Jed McCaleb, Arthur Britto, David Schwartz (2011) และ Chris Larsen (2012) หลังจากนั้นได้รวมตัวกันในนามบริษัท OpenCoin ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น Ripple Labs และได้สร้าง XRP เพื่อใช้ใน Ripple ในเวลาต่อมาปี 2013 XRP ที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมด 100,000 ล้านเหรียญ มีการแบ่ง 20% ให้กับคณะผู้สร้างเหรียญ และ 80% ให้กับ Ripple Labs ต่อมาทาง Ripple Labs ได้มอบ 0.2% ของเหรียญทั้งหมดให้แก่องค์กรการกุศลที่นักวิจัยอาสาเข้าร่วมโปรเจค

XRP เริ่มเทรดในตลาดครั้งแรกตอนปลายปี 2013 และเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องและรักษาเสถียรภาพตลาด Ripple Labs จึงได้ค่อยๆ ทยอยกระจายเหรียญเรื่อยมา จนกระทั่งในปี 2017 ได้มีการฝาก 55,000 ล้านเหรียญไว้ใน Escrow และมีนโยบายในการถอนออกมากระจายเดือนละไม่เกินเดือนละ 1,000 ล้านเหรียญ


3.Litecoin

ไลท์คอยน์ (Litecoin) เป็นเหรียญทางเลือก (Alt coin) เหรียญแรกๆ ที่แตกออกมาจาก Bitcoin ในปี 2011 ไลท์คอยน์เป็นเงินดิจิตอลแบบ Peer to Peer ที่ใช้เล่มบัญชีสาธารณะ (Public Ledger) บนบล็อคเชนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Blockchain) ซึ่งสามารถใช้ทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางทางการเงินทำให้ค่าธุรกรรมต่ำมากจนแทบจะเป็นศูนย์ และทำให้มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานที่สูงเช่นเดียวกับ Bitcoin แต่มีความแตกต่างทางเทคนิคเล็กน้อยตรงที่มีการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมการทำงานให้รวดเร็วขึ้น ไลท์คอยน์สามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ มือถือ และ Wirex VISA Card โดยมีกระเป๋าเงิน (Wallet) ทั้งแบบ Hardware, Desktop, Web Wallet และ Mobile App


4.Bitcoin Cash

Bitcoin Cash เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งเป็นผลมาจากการ hard fork ของ Bitcoin ซึ่งทำให้เกิดบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโตตัวใหม่ขึ้นมา แล้วทำไมถึงต้องมีการ hard fork และอะไรที่เป็นจุดด้อยของ Bitcoin

ในช่วงแรกๆ การทำงานของ Bitcoin นั้นค่อนข้างที่จะเร็วเพราะยังไม่มีการทำธุรกรรมที่มากนัก แต่ในขณะที่มันได้รับความนิยมมากขึ้นการทำงานก็ช้าลงเนื่องจากขนาดของบล็อกที่จำกัดไว้ที่ 1MB ในปี 2560 เกิดเหตุการณ์ที่คนใช้งานต้องรอนานถึง    3 วันในการตรวจสอบการโอนถ่าย Bitcoin วิธีหนึ่งที่จะทำให้การโอนเร็วขึ้นคือจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนมากขึ้นแต่นั้นก็เป็นการขัดต่อจุดประสงค์ที่ทำให้มีเหรียญนี้ตั้งแต่แรก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการซื้อกาแฟในราคา 4 ดอลลาร์แต่คุณกลับต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการโอนถึง 16 ดอลลาร์ ซึ่งผู้ใช้ยอมรับไม่ได้แน่นอน จึงมีการเสนอทางออก 2 ข้อซึ่งก็คือ Bitcoin Unlimited และ Segregated Witness (SegWit)

 

5.Tether(USDT)

USDT หรือ United States Dollar Tether เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ “ผูก” กับดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัท Tether ระบุว่า 1 USDT มีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ Tether ถูกจัดกลุ่มเป็นคริปโตเคอเรนซี่ประเภทใหม่ เรียกว่า "Stablecoins" ซึ่ง Stablecoins ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดช่องว่างระหว่างสกุลเงิน fiat และ สกุลเงินดิจิทัล โดยการนำเสนอราคาที่คงที่ และเทียบเท่ากับเหรียญหรือโทเค็น

 

รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม

สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)

ข้อมูล : bitkub , investing

ข่าวที่เกี่ยวข้อง