รีเซต

TISCOลุ้นกำไร1.8พันล้าน ซื้อสะสมรับปันผล7.15บ.

TISCOลุ้นกำไร1.8พันล้าน ซื้อสะสมรับปันผล7.15บ.
ทันหุ้น
18 เมษายน 2565 ( 06:31 )
137
TISCOลุ้นกำไร1.8พันล้าน ซื้อสะสมรับปันผล7.15บ.

#TISCO #ทันหุ้น – TISCO ประเดิมแจ้งงบไตรมาส 1/2565 วันนี้ (18 เม.ย.65) โบรกคาดมีกำไรสุทธิ 1.81 พันล้านบาท เติบโต 2.7% จากปีก่อน และ 1.1% จากไตรมาสก่อน เหตุตั้งสำรองลดลง คาด Coverage Ratio สูงขึ้นเป็น 240% คาดกำไรไตรมาส 2/2565 ยังเติบโตต่อเนื่อง จากการลดค่าใช้จ่ายสำรอง เชียร์ซื้อ รับปันผล 7.15 บาท ก่อนขึ้น XD 29 เมษายนนี้

 

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุถึง บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ  TISCO ว่า คาดวันนี้ (18 เม.ย.65) จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ที่ 1.81 พันล้านบาท เติบโต 2.7% Y-Y และ 1.1% Q-Q เพราะค่าใช้จ่ายสำรองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ชดเชยการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียม ด้าน NPL Ratio ทรงตัว Q-Q ที่ 2.4% และคาด Coverage Ratio สูงขึ้นเป็น 240% คาดกำไรไตรมาส 2/2565 ยังเติบโต Y-Y จากการลดค่าใช้จ่ายสำรอง แต่คาดกำไรทรงตัว Q-Q เพราะคาดสินเชื่อคาดทรงตัว Q-Q สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังคงเป็น Segment ที่มีการแข่งขันรุนแรง ประกอบกับ TISCO ยังต้องใช้เวลารุกตลาดชิงส่วนแบ่งการตลาดกลับคืน

 

คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 115 บาท ซื้อเพื่อรับปันผล 7.15 บาท คิดเป็น Dividend Yield 7.2% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เมษายน 2565

 

*ตั้งสำรองลดดันกำไร

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TISCO ว่า ประมาณการกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 ที่ 1.78 พันล้านบาท ทรงตัวได้ดีทั้ง YoY และ QoQ (+1% YoY แต่ -1%QoQ) เพราะไตรมาส 1/2564 และไตรมาส 4/2564 ฐานสูงมากเนื่องจากมีรายได้พิเศษเข้ามาช่วยเยอะ โดยกำไรที่ทรงตัวได้ดีเกิดจากการตั้งสำรองที่ลดลงมาที่ระดับปกติที่ 313 ล้านบาท ลดลง -63% YoY และ-24% QoQ เพราะมี Coverage Ratio ที่สูงมากถึง 237%

 

ขณะที่ NIM ยังอยู่ในระดับสูงมากที่ 5.10% จาก 4.67% ในไตรมาส 1/2564 จาก Cost of Fund ที่ลดลงเพราะไม่มีการRollover Sub-Debt (ที่อัตราดอกเบี้ยสูง) และกลับมาปล่อยสินเชื่อ High Yield อย่างเหมาะสมมากขึ้น ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง -29% YoY และ-18% QoQ เพราะไม่มีรายได้ที่เป็น Performance Fee จำนวน 483 ล้านบาท ที่เข้ามาทุกๆ ไตรมาส 4 ของทุกปี จากการบริหารกองทุน Provident Fund ได้ตามเป้าหมาย

 

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง -13% YoY และ-22% QoQ เพราะฐานสูงจากไตรมาส 1/2564 ที่มี Access Fee จากการออกกองทุนต่างประเทศเข้ามาเยอะมากถึง 200 ล้านบาท และไม่มีดีล IB เข้ามาช่วยเหมือนไตรมาส 1/2564 ที่ได้มาอีก 90 ล้านบาท แต่ยังมีรายได้ในส่วน Bancassurance ที่ยังเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ด้านสินเชื่อร่วมคาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่-0.2% QoQ จากสินเชื่อรายใหญ่ที่หดตัวลง ด้าน NPLs จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.50% จาก 2.40% ในไตรมาสก่อนจากสินเชื่อที่หดตัวลงเป็นหลัก ขณะที่คุณภาพสินเชื่อเริ่มดูดีขึ้นเพราะมีลูกหนี้เข้าโครงการช่วยเหลือลดลง

 

*จับตา Q2 กลับมาโตได้

 

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.4% YoY เพราะฐานสูงในปี 2564 ที่มีการรับรู้ รายได้จาก Performance Fee สูงถึง 483 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/2565 จะเพิ่มขึ้น YoY ได้จากสำรองที่ลดลงต่อเนื่อง รวมถึงการกลับมาเร่งปล่อยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงอย่างเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ NIM จะยังทรงตัวในระดับสูงต่อไปได้ ทั้งนี้ทุกๆ Cedit Cost ที่ลดลง 10bps จะส่งผลให้มี Upside ต่อกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้ราว 2% โดยปี 2565 ใส่ Credit Cost ไว้ที่ 100bps ลดลงจากปี 2563 ที่ 107bps

 

ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 110.00 บาท อิง 2022E PBV ที่ 1.95x (+1SD Above 10-Yr Average PBV) โดยชอบ TISCO เพราะมีความเสี่ยงในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นในระดับสูงน้อยกว่ากลุ่มเนื่องจากมี Coverage Ratio ที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ระดับ 237% ซึ่งสามารถรองรับความเสี่ยงจาก COVID-19 รอบใหม่ๆ ได้

 

ทั้งนี้หากสถานการณ์ดีขึ้นคาดว่าจะยังมี Upside เพิ่มจากการตั้งสำรองน้อยลงในปี 2565 และสินเชื่อที่มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ดี และคาดว่า TISCO จะยังคงเป็นหุ้นที่มี Dividend Yield สูงถึงระดับ 7% (จ่ายปีละครั้ง XD ช่วงเดือเม.ย.) แต่มีความเสี่ยงจาก NPLs และการตั้งสำรองมากกว่าคาดหากสถานการณ์ COVID-19 รุนแรงกว่าคาด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง