กูรูคัด 6 หุ้นตัวเต็ง หลบภัย"ภาษีทรัมป์" ที่ควรมีติดพอร์ต

กูรูคัด 6 หุ้นตัวเต็ง หลบภัย"ภาษีทรัมป์" ที่ควรมีติดพอร์ต ท่ามกลางความกังวลต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งตลาดเงินตลาดทุน เริ่มตั้งเเต่แผ่นดินไหวประเทศ และปัญหาระดับโลกในเรื่องสงครามการค้า ที่ถือเป็นความเสี่ยงหลัก
ซึ่งมาตรการภาษีของทรัมป์ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และแรงเทขายหุ้นทำให้มูลค่าของบริษัทหายไปจำนวนมาก ทำให้การลงทุนจังหวะนี้อาจจะยังไม่เหมาะสมนัก เเต่ยังพอมีหุ้นน้ำดีพื้นฐานธุรกิจเเข็งเเกร่งเเละมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 วันนี้ทาง TNN Wealth ได้รวบรวม 6 หุ้นตัวเต็ง หลบภัย"ภาษีทรัมป์" จากบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ชั้นนำ ดังนี้
บล.ฟินันเซียไซรัส เเนะนำหุ้น
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS
จากแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 เบื้องต้นคาดว่ายังคงเติบโตในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง มีลุ้นเติบโตทั้ง q-q และ y-y ทั้งไทยที่เริ่มมีโรคระบาด ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติคาดว่ายังโตได้
เเละคาดกำไรปี 2568 ที่ 1.76 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น10% y-y เเละเชื่อว่าราคาหุ้น BDMS จะปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดจากความเป็น Defensive Sector ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและตลาดที่ Risk-Off
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เเนะนำ
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) CPALL
คาดว่ากำไรไตรมาสที่ 4/2567 เพิ่มขึ้น 28% QoQ และเพิ่ม 31%YoY รับผลบวกจากฤดูกาลท่องเที่ยว เทศกาลฉลองส่งท้ายปี และผลบวกจาก Synergy MAKRO & LOTUS ชัดเจนมากขึ้นหลังควบรวมเสร็จต้นไตรมาสที่ 4/2567
เเละแนวโน้มธุรกิจปี 2568 คาดกำไรไตรมาสที่ 1/2568 ยังเติบโตเกิน 15% YoY ทั้งจาก 7-11 ที่ SSSG 2 เดือนแรกบวก 3% YoY และธุรกิจ CPAXT SSSG 2 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 1-2% YoY
และ GPM ปรับตัวดีขึ้นในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม อาหารสด และ Ready to eat โดยคาดกำไรทั้งปีนี้้ เติบโต 15% จากปีก่อนหน้า แม้จะเห็น Synergy ในกลุ่ม CPAXT มากขึ้น แต่ด้วยฐานกำไรที่สูงมากในปีก่อน+กำลังซื้อในไทยยังอ่อนแอ
แนะนำซื้อ เป้าหมาย 70 บาท
เเนะนำ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB
แนวโน้มธุรกิจปี 2568 คาดกำไรไตรมาสที่ 1/2568 ยังโตได้ทั้ง QoQ และ YoY บนคาดการณ์ credit cost ที่ลดลง และ คุม cost to income ได้ดี
พร้อมประกาศเป้าหมายปี 68 ตั้งเป้าสินเชื่อทรงตัว NIM ที่ 2.9-3.2% คุม cost to income < 45% และ คุม NPL <3.25% บน Credit Cost ที่ 105-125%
เเละ KTB ถือเป็นธนาคารที่มี ROE สูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม และถือเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสม่ำเสมอ ประกาศจ่ายปันผลงวดปี 67 @1.545 บ. XD 16/04/68 คิดเป็น Div. Yield สูงถึงราว 6.8%
แนะนำซื้อ เป้าหมาย 27.30 บาท
เเนะนำ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO
แนวโน้มธุรกิจปี 2568 คาดกำไรไตรมาสที่ 1/2568 ทรงตัวทั้ง QoQ และ YoY ผลจากการทยอยกลับมาตั้งสำรองระดับปกติกดดัน โดยปี 2568 พร้อมปรับกลยุทธ์เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ High Yield และบริหารจัดการต้นทุน เพื่อชดเชยกับการตั้งสำรองระดับปกติ หวังรักษากำไรระดับเดิม
เเละ TISCO เป็นหุ้นธนาคารที่มี ROE สูงสุดและจ่ายปันผลสูงสม่ำเสมอ ทั้งนี้ครึ่งปีหลังของปี 2567 ได้จ่ายปันผลอีก 5.75 บาท XD 25 เม.ย. 2568 คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.8%
ขณะปันผลทั้งปี 2568 ยังคาดหวังที่ระดับ 8% ได้ ราคาเหลือ upside ไม่มาก แนะเพียงเก็งกำไร รับผลบวกจากโครงการ “กระบะพี่มีคลังค้า” หนุนยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ
แนะนำซื้อเก็งกำไร เป้าหมาย 103 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด แนะนำ
บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) AAV
แนวโน้มธุรกิจปี 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้านักท่องเที่ยวเข้าไทยอยู่ที่ 40 ล้านคน กลับไประดับเดียวกับช่วง Pre-Covid การจัดการ Capacity ในปี 2025 มุ่งเน้นไปที่ในประเทศ 65% เพื่อรักษา Market Share และมองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกโดยเฉพาะที่สนามบิน สุวรรณภูมิ
ประกอบกับบริษัทมีเผนเพิ่มเที่ยวบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยั่งจังหวัดต่างๆ ราว 77 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ต่างประเทศ 35% โดยเฉพาะอินเดียที่มีการเติบโตสูง, เวียดบาม, เกาหลี โดยปีนี้บริษัทมีแผนรับเครื่องบินเพิ่มอีก 6 ลำ โดยจะมีเครื่องบินทั้งหมด66 ลำ และมีแผนที่จะใช้ 63 ลำภายในสิ้นปีและตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% จำนวนผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน และรักษาระดับ EBITDA Margin ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน
แนะนำ “ซื้อสะสม” ที่ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เเนะนำ
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) TRUE
แนวโน้มธุรกิจปี 2568 คาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2568 มีโกาสเติบโต ทััง y-y และ q-q รับปัจจัยบวก อาทิ
1. เทศเทศกาลสงกรานต์จากการจำหน่ายซิมนักท่องเที่ยว, บริการโทรข้ามแดนอัตโนมัติ
2. แนวโน้มรับประโยชน์เต็มไตรมาสจากการปรับ package อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568
3. ยอดขายมือถือเล่นตัวขึ้นจากมาตรการเงิน 10,000 บาท (เฟส 3 )
แนะนำ”ซื้อ“ที่ราคาพื้นฐาน 13.40 บาท