TU โบรกฯ มองกำไร Q2/65 อ่อนตัวแต่ดีกว่าคาด อัพราคาเป้าหมาย
#TU #ทันหุ้น-โบรกเกอร์ 3 ราย ประเมินหุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU โดยหลังประกาศกำไรไตรมาส 2/65 ที่อ่อนตัวลง 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มองว่ากำไรดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมประเมินแนวโน้มไตรมาส 3/65 มีทิศทางฟื้นตัว พร้อมปรับเพิ่มคำแนะนำ และราคาเป้าหมายขึ้น
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า TU ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 1,624 ล้านบาท ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาส 1/65 นั้น ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 21% หากไม่นับรวมผลกระทบจากรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติที่ 2,243 ล้านบาท ดีขึ้น 34% จากไตรมาส 1/65 ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 11% โดยปัจจัยบวกมาจากรายได้ที่เติบโตได้ดี ซึ่งเป็นผลจากรายได้ของธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่ยังเติบโตได้ดี ขณะที่ธุรกิจอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็งค่อนข้างทรงตัว หลังทางบริษัทได้มีการปรับขึ้นราคาขายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ปรับสูงขึ้นจากเงินเฟ้อ และยังได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
ฝ่ายวิจัยทรีนีตี้ ระบุว่ายังคงประมาณการกำไรปี 2565 ของ TU ที่ 6,414 ล้านบาท ลดลง 20% จากปีก่อน ซึงกำไรครึ่งแรกปีนี้คิดเป็น 52.5% ของประมาณการ และคาดว่ากำไรไตรมาส 3/65 จะเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัว เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเต็มที่ บวกกับการปรับราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยอดขายและอัตรากำไรจะดีขึ้น บวกกับค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องจะเป็นบวกต่อยอดขายเช่นกัน
นอกจากนี้มองว่าราคาหุ้นที่อ่อนตัวได้สะท้อนปัจจัยลบไปบ้างแล้ว ทำให้เริ่มเห็น upside ที่น่าสนใจ นอกจากนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.40 บาท คิดเป็น Diy Yield อีกราว 2.4% จึงยังคงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 18 บาทต่อหุ้น
**เพิ่มราคาเป้าหมาย
บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของ TU ในงวดไตรมาส 2/65 ซึ่งสูงกว่าฝ่ายวิจัยและตลาดคาด 11% พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายมาอยู่ที่ 19 บาทต่อหุ้น โดยแนะนำซื้อเก็งกำไร โดยมองแนวโน้มไตรมาส 3/65 จะฟื้นตัว เพราะธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังโตทั้งยอดขายและมาร์จิ้นดี ขณะที่แนวโน้มราคาวัตถุดิบแซลมอนอ่อนตัวลง ส่วน Red Lobster คาดยังขาดทุนแต่น้อยลง ฝ่ายวิจัย ชอบ TU น้อยกว่า
CPF-GFPT แต่มองว่าราคาหุ้น TU ที่ underperform น่าจะสะท้อนผลประกอบการไปแล้ว ขณะที่ผู้บริหาร TU ปรับเป้าหมายยอดขายขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้เป็นสัญญาณบวกและมองเป็นธีมกำไรฟื้นตัว
**เพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ
ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ของ TU สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาดราว 20% และคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 3/65 จะปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/65 จากการเข้าช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และยังได้รับผลบวกจากการปรับเพิ่มราคาอาหารกระป๋อง ส่วนธุรกิจ Red Lobster คาด TU จะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนลดลงเล็กน้อยในงวดไตรมาส 3/65 จากการทยอยปรับเพิ่มราคาอาหารได้ตั้งแต่กลางส.ค. 2565 แต่คาด TU จะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster เพิ่มขึ้นในงวดไตรมาส 4/65 เนื่องจากเป็นช่วง low season ของธุรกิจ โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่า TU จะกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Red Lobster ได้ในงวดไตรมาส 1/66 เพราะเป็นช่วง high season ของธุรกิจ Red Lobster
ฝ่ายวิจัย คาดว่าคาดกำไรสุทธิทั้งปี 2565 ของ TU จะลดลง 26% จากแนวโน้มประสิทธิภาพการทำกำไรลดลง จากต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสูงขึ้น และคาดธุรกิจ Red Lobster จะอ่อนตัวลง โดย TU ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลเท่ากับ 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็น Div yield สำหรับงวดครึ่งแรกปีนี้ เท่ากับ 2.4% ราคาหุ้นปรับฐานไป 15% นับจากต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน มีมี Upside รวม Div Yield ราว 12% จึงเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิมแนะนำ Switch
ราคาหุ้น TU พักเที่ยงปิดที่ 17 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.41% มีมูลค่าการซื้อขาย 282.29 ล้านบาท