IP กำไร3ปีสะพรั่ง38% การเงินแกร่งหนี้น้อย
ทันหุ้น - สู้โควิด – โบรกส่องกล้อง IP อนาคตสดใส รายได้เติบโตสม่ำเสมอ 22.5% ต่อปี พร้อมคาดกำไร ปี 2563-2565โตต่อเนื่องปีละ 38.8% ชูฐานะการเงินแข็งแกร่งอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.02 เท่า แนะ “ซื้อ” เคาะราคาเป้าหมายปี 64 ที่ 15.30บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินทิศทาง บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด(มหาชน) หรือ IP ว่า กำไรในไตรมาส 2/2563เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อนหน้า และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 คาดกำไรปี 2563-2565เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 38.8% ต่อปี จากการเติบโตของรายได้ อัตรากำไร การบริหารต้นทุนที่ดี และการขยายไปธุรกิจต้นน้ำ
ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง สถานะเป็น Net Cash แทบไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 15.30 บาท จากวิธี DCF และ P/E Ratio
เติบโตสม่ำเสมอ
สำหรับความน่าสนใจในการลงทุน ได้แก่ รายได้เติบโตสม่ำเสมอ (CAGR) 22.5% ต่อปี ตลอด 3ปีที่ผ่านมา คาดอนาคตสดใส รายได้โตสูงต่อเนื่อง (CAGR) ปี 2563-2565โตเฉลี่ย 29.3% ต่อปี และการปรับช่องทางขาย บริหารต้นทุนดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง คาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563-2565อยู่ที่เฉลี่ยราว 60% ปัจจัยหนุนจากการขยายช่องทางการขายผ่านออนไลน์ ช่วยประหยัดต้นทุน
ขณะที่การใช้เงิน IPO เข้าซื้อ โมเดิร์น ฟาร์มา คาดหนุนรายได้ราว 50ล้านบาทต่อไตรมาส โดยประเมินกำไรเติบโตดีสม่ำเสมอ คาด (CAGR) ปี 2563-2565เติบโตต่อเนื่องถึง 38.8% ต่อปี และสถานะการเงินแข็งแกร่ง มีสถานภาพเป็นเงินสดสุทธิ อัตราหนี้สินต่อทุน 0.02เท่า
อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 3/2563 ราว 20 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20.0% QoQ, 49.8%YoY) ปัจจัยหนุนจากประมาณการรายได้ 110 ล้านบาท (+9.6%QoQ, +20.0%YoY) จากธุรกิจรักษาสุขภาพและชะลอวัย(สัดส่วน 55%) เนื่องจากผู้บริโภคมีความตระหนักถึงการดูแลสุขภาพภาพมากขึ้นหลังเผชิญวิกฤตโควิด-19
เพิ่มช่องทางขาย
ขณะที่ธุรกิจนวัตกรรมความงาม ธุรกิจดูแลและส่งเสริมสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ยังไม่มีการเติบโตอย่างมีนัยฯ ระหว่างไตรมาส คาดอัตรากำไรขั้นต้นราว 60% เพิ่มขึ้น 120 bps YoY จากการเพิ่มช่องทางขายออนไลน์มากขึ้น
ทั้งนี้หากบริษัทประกาศกำไรไตรมาส 3/2563ใกล้เคียงกับที่เราคาด บริษัทจะมีกำไรสุทธิงวด 9เดือนปี 2563 ราว 51 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 61%ของประมาณการทั้งปี 2563 โดยในไตรมาส 4/2563ยังมีความเสี่ยงจากการรับรู้รายได้ M&A ล่าช้ากว่าที่คาด และมี Downside จากการส่งแชมพู Malaseb จากประเทศออสเตรเลียมีความล่าช้ากว่าคาด จึงอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการปี 2563
ทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 15.30 บาทต่อหุ้น อ้างอิงการเฉลี่ยราคา 2วิธี ได้แก่ วิธี DCF ราคา 15.40บาทต่อหุ้น และวิธี P/E Ratio 25 เท่า ที่ราคา 15.40บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจเดียวกันในตลาด และยังเป็นหุ้น Undervalued ระดับ PEG ratio ต่ำเพียง 0.4 เท่า ณ ราคาปัจจุบันมี Upside ราว 38.9%
อย่างไรก็ตามมีโอกาสปรับลดประมาณการหลังการประกาศงบไตรมาส 3/2563 ราว 10%ของประมาณการปี 2563 โดยไม่กระทบกับ Fair Value เนื่องจากเราใช้ราคาเป้าหมายปี 2564