รีเซต

มะเร็งซาโคม่ากระดูก คืออะไร อาการเป็นอย่างไร รักษาได้ไหม?

มะเร็งซาโคม่ากระดูก คืออะไร อาการเป็นอย่างไร รักษาได้ไหม?
TNN ช่อง16
18 กรกฎาคม 2568 ( 09:33 )
15

ในโลกออนไลน์ เมื่อสามวันที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พิเชฐ มณีนุช” ได้โพสต์เรื่องราวที่ทำให้หลายคนสะเทือนใจและหันกลับมาให้ความสำคัญกับ มะเร็งซาโคม่ากระดูก มากขึ้นอีกครั้ง เรื่องราวเริ่มจากข้อความขอความช่วยเหลือที่ระบุว่า “ลูกสาวของผม อายุ 16 ปี ป่วยเป็นมะเร็งสายพันธุ์ซาโคม่า (ซาโคม่า) มะเร็งกระดูก รักษาหลายวิธีแต่ยังไม่ตอบสนอง ขอคำแนะนำจากผู้รู้และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ”


มะเร็งซาโคม่ากระดูก รู้จักให้ชัดก่อนสายเกินไป

แม้มะเร็งหลายชนิดจะมีข้อมูลเผยแพร่เป็นวงกว้าง แต่หนึ่งในมะเร็งที่คนทั่วไปอาจยังไม่คุ้นชื่อมากนักคือ มะเร็งซาโคม่ากระดูก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของ “ซาร์โคมา” มะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หลอดเลือด หรือกระดูก

โรคนี้นับว่าเจอไม่บ่อยเมื่อเทียบกับมะเร็งในระบบอวัยวะอื่น แต่มีคุณสมบัติที่ทำให้ต้องเฝ้าระวังคือ โตเร็ว แพร่กระจายไว และรักษายากหากตรวจพบช้า

ซาโคมาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก

  • Bone Sarcoma (ซาโคม่ากระดูก) เกิดขึ้นจากเซลล์ของกระดูกโดยตรง เช่น
  • Osteosarcoma พบมากในวัยรุ่น โตเร็ว มักเกิดที่กระดูกขาใกล้ข้อเข่า
  • Ewing’s Sarcoma พบในเด็กและวัยรุ่น เติบโตเร็วและอาจลุกลามสู่ปอด

Soft Tissue Sarcoma เกิดจากเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กล้ามเนื้อ ไขมัน หรือเส้นเลือด เช่น

  • Liposarcoma (เนื้อเยื่อไขมัน)
  • Rhabdomyosarcoma (กล้ามเนื้อลาย)
  • Angiosarcoma (หลอดเลือด)

สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

อาการของ มะเร็งซาโคม่ากระดูก อาจเริ่มจากสิ่งเล็กน้อย เช่น ปวดกระดูกเฉพาะจุดโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ในหลายกรณี หากก้อนเนื้อเกิดที่ชั้นลึกอาจไม่เจ็บเลยในระยะแรก จนกระทั่งโตขึ้นและเริ่มรบกวนโครงสร้างโดยรอบ อาการที่มักพบ ได้แก่

  • ปวดกระดูกแบบเรื้อรัง โดยเฉพาะเวลากลางคืน
  • คลำพบก้อนผิดปกติที่โตขึ้นเรื่อย ๆ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • กระดูกเปราะ หักง่ายกว่าปกติ

หากเกิดลึกในช่องท้อง อาจพบอาการแน่นหรือปวดท้องโดยไม่ชัดเจน

สาเหตุและความเสี่ยง

แม้ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนถึงสาเหตุของการเกิดมะเร็งซาโคม่า แต่มีหลายปัจจัยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น

  • การกลายพันธุ์ของยีนบางชนิด
  • การสัมผัสรังสีหรือสารเคมีในปริมาณสูง
  • โรคทางพันธุกรรมบางชนิด
  • ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

การวินิจฉัย เริ่มต้นจากความสงสัยที่ถูกต้อง

หากพบก้อนผิดปกติ หรือมีอาการปวดกระดูกที่ไม่หายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ แพทย์จะเริ่มด้วย

  • การตรวจร่างกายและซักประวัติ
  • การใช้เครื่องมือวินิจฉัย เช่น X-ray, CT scan, MRI
  • การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจยืนยันว่าเป็นมะเร็งชนิดใด
  • การวินิจฉัยที่แม่นยำเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการรักษา เพราะมะเร็งแต่ละชนิดตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกัน

การรักษา ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย

โรคมะเร็งซาโคม่ากระดูกไม่สามารถรักษาด้วยแพทย์สาขาใดสาขาหนึ่งได้ ต้องมีทีมสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary Team) ที่ประกอบด้วย

  • ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ
  • ศัลยแพทย์ตกแต่งและหลอดเลือด
  • อายุรแพทย์มะเร็ง
  • แพทย์รังสีรักษา และพยาธิแพทย์

การผ่าตัดแบบ Wide Resection ที่นำก้อนมะเร็งออกพร้อมขอบเนื้อดี เป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสการกลับมาใหม่ของโรค

เคมีบำบัด และ รังสีบำบัด อาจใช้เสริมในกรณีที่เหมาะสม เช่น มะเร็งเติบโตเร็วหรือมีความเสี่ยงแพร่กระจาย

ยามุ่งเป้า/ภูมิคุ้มกันบำบัด เริ่มมีบทบาทในบางชนิดที่ดื้อต่อการรักษาทั่วไป

ติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจบการรักษา

แม้การรักษาจะสำเร็จในเบื้องต้น แต่ผู้ป่วยยังต้องติดตามผลต่อเนื่อง เพื่อ

  • ตรวจสอบการกลับมาใหม่ของเนื้องอกบริเวณเดิม (Local recurrence)
  • ตรวจว่ามีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นหรือไม่ เช่น ปอด ตับ
  • การพบแพทย์ตามนัดเป็นประจำจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดูแลในระยะยาว

มะเร็งซาโคม่ากระดูก แม้พบได้น้อย แต่ความรุนแรงและความซับซ้อนของโรคนี้ไม่ควรถูกมองข้าม การเฝ้าระวังอาการผิดปกติและเข้าพบแพทย์เมื่อสงสัย คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรักษาหายและกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ


ที่มาข้อมูล 
https://www.vichaiyut.com/th/health-information/sarcoma-cancer/details

ข่าวที่เกี่ยวข้อง