มะเร็งซาโคม่ากระดูก คืออะไร อาการเป็นอย่างไร รักษาได้ไหม?

ในโลกออนไลน์ เมื่อสามวันที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พิเชฐ มณีนุช” ได้โพสต์เรื่องราวที่ทำให้หลายคนสะเทือนใจและหันกลับมาให้ความสำคัญกับ มะเร็งซาโคม่ากระดูก มากขึ้นอีกครั้ง เรื่องราวเริ่มจากข้อความขอความช่วยเหลือที่ระบุว่า “ลูกสาวของผม อายุ 16 ปี ป่วยเป็นมะเร็งสายพันธุ์ซาโคม่า (ซาโคม่า) มะเร็งกระดูก รักษาหลายวิธีแต่ยังไม่ตอบสนอง ขอคำแนะนำจากผู้รู้และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ”
มะเร็งซาโคม่ากระดูก รู้จักให้ชัดก่อนสายเกินไป
แม้มะเร็งหลายชนิดจะมีข้อมูลเผยแพร่เป็นวงกว้าง แต่หนึ่งในมะเร็งที่คนทั่วไปอาจยังไม่คุ้นชื่อมากนักคือ มะเร็งซาโคม่ากระดูก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของ “ซาร์โคมา” มะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หลอดเลือด หรือกระดูก
โรคนี้นับว่าเจอไม่บ่อยเมื่อเทียบกับมะเร็งในระบบอวัยวะอื่น แต่มีคุณสมบัติที่ทำให้ต้องเฝ้าระวังคือ โตเร็ว แพร่กระจายไว และรักษายากหากตรวจพบช้า
ซาโคมาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก
- Bone Sarcoma (ซาโคม่ากระดูก) เกิดขึ้นจากเซลล์ของกระดูกโดยตรง เช่น
- Osteosarcoma พบมากในวัยรุ่น โตเร็ว มักเกิดที่กระดูกขาใกล้ข้อเข่า
- Ewing’s Sarcoma พบในเด็กและวัยรุ่น เติบโตเร็วและอาจลุกลามสู่ปอด
Soft Tissue Sarcoma เกิดจากเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กล้ามเนื้อ ไขมัน หรือเส้นเลือด เช่น
- Liposarcoma (เนื้อเยื่อไขมัน)
- Rhabdomyosarcoma (กล้ามเนื้อลาย)
- Angiosarcoma (หลอดเลือด)
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
อาการของ มะเร็งซาโคม่ากระดูก อาจเริ่มจากสิ่งเล็กน้อย เช่น ปวดกระดูกเฉพาะจุดโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ในหลายกรณี หากก้อนเนื้อเกิดที่ชั้นลึกอาจไม่เจ็บเลยในระยะแรก จนกระทั่งโตขึ้นและเริ่มรบกวนโครงสร้างโดยรอบ อาการที่มักพบ ได้แก่
- ปวดกระดูกแบบเรื้อรัง โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- คลำพบก้อนผิดปกติที่โตขึ้นเรื่อย ๆ
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- กระดูกเปราะ หักง่ายกว่าปกติ
หากเกิดลึกในช่องท้อง อาจพบอาการแน่นหรือปวดท้องโดยไม่ชัดเจน
สาเหตุและความเสี่ยง
แม้ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนถึงสาเหตุของการเกิดมะเร็งซาโคม่า แต่มีหลายปัจจัยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น
- การกลายพันธุ์ของยีนบางชนิด
- การสัมผัสรังสีหรือสารเคมีในปริมาณสูง
- โรคทางพันธุกรรมบางชนิด
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การวินิจฉัย เริ่มต้นจากความสงสัยที่ถูกต้อง
หากพบก้อนผิดปกติ หรือมีอาการปวดกระดูกที่ไม่หายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ แพทย์จะเริ่มด้วย
- การตรวจร่างกายและซักประวัติ
- การใช้เครื่องมือวินิจฉัย เช่น X-ray, CT scan, MRI
- การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจยืนยันว่าเป็นมะเร็งชนิดใด
- การวินิจฉัยที่แม่นยำเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการรักษา เพราะมะเร็งแต่ละชนิดตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกัน
การรักษา ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย
โรคมะเร็งซาโคม่ากระดูกไม่สามารถรักษาด้วยแพทย์สาขาใดสาขาหนึ่งได้ ต้องมีทีมสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary Team) ที่ประกอบด้วย
- ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ
- ศัลยแพทย์ตกแต่งและหลอดเลือด
- อายุรแพทย์มะเร็ง
- แพทย์รังสีรักษา และพยาธิแพทย์
การผ่าตัดแบบ Wide Resection ที่นำก้อนมะเร็งออกพร้อมขอบเนื้อดี เป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสการกลับมาใหม่ของโรค
เคมีบำบัด และ รังสีบำบัด อาจใช้เสริมในกรณีที่เหมาะสม เช่น มะเร็งเติบโตเร็วหรือมีความเสี่ยงแพร่กระจาย
ยามุ่งเป้า/ภูมิคุ้มกันบำบัด เริ่มมีบทบาทในบางชนิดที่ดื้อต่อการรักษาทั่วไป
ติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจบการรักษา
แม้การรักษาจะสำเร็จในเบื้องต้น แต่ผู้ป่วยยังต้องติดตามผลต่อเนื่อง เพื่อ
- ตรวจสอบการกลับมาใหม่ของเนื้องอกบริเวณเดิม (Local recurrence)
- ตรวจว่ามีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นหรือไม่ เช่น ปอด ตับ
- การพบแพทย์ตามนัดเป็นประจำจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดูแลในระยะยาว
มะเร็งซาโคม่ากระดูก แม้พบได้น้อย แต่ความรุนแรงและความซับซ้อนของโรคนี้ไม่ควรถูกมองข้าม การเฝ้าระวังอาการผิดปกติและเข้าพบแพทย์เมื่อสงสัย คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรักษาหายและกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ
ที่มาข้อมูล
https://www.vichaiyut.com/th/health-information/sarcoma-cancer/details
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
