ERW รับเราเที่ยวด้วยกันหนุน เข้าพักฟื้น-ลุยขยายรร.
#ERW #ทันหุ้น – ERW รับอานิสงส์ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” หนุนอัตราการเข้าพักพุ่ง มองโอกาสฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าขยายโรงแรมเพิ่มตามแผน โบรกคาดผลงานไตรมาส 4/2564 ดีขึ้นมีผลขาดทุนลดลง มองการท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป
นางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เปิดเผยว่า ล่าสุดที่ภาครัฐเดินหน้าในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2565 - 31 พฤษภาคม 2565 ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์ไปด้วย เพราะบริษัทการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก ขณะที่อัตราการเข้าพัก (OCC)ในช่วงเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา อาจจะลดลงบ้างเพราะความกังวลเรื่องการแพร่ะระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แต่ปีนี้คาดว่าอัตราการเข้าพักจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน โดยปีที่ผ่านมาทั้งกลุ่มโรงแรมมีอัตราการเข้าพักที่ 40% ขณะที่เฉพาะโรงแรมแบรนด์ Hop Inn อยู่ที่ 60%
*อัตราการเข้าพักฟื้น
“สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่เริ่ม 1 กุมภาพันธ์นี้ ก็ทำให้กลุ่มโรงแรมได้รับประโยชน์ด้วย เพราะที่ผ่านมาในทุกโครงการก็จะมียอดจองเข้ามา ทำให้ปีนี้อัตราการเข้าพักน่าจะดีขึ้น แต่ในเดือนมกราคมอาจจะลดลงเล็กน้อยเพราะรับผลกระทบจากโอไมครอน แต่ปีนี้กลุ่มโรงแรมก็จะเน้นการทำตลาดในประเทศ Domesticที่ยังมีศักยภาพมีการแข่งขันน้อยและมีการเติบโตได้อีกมาก ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสจะกลับมาท่องเที่ยวที่ไทยปีนี้ ก็จะเป็นอัพไซด์ให้แก่กลุ่มโรงแรมด้วย” นางสาววรมน กล่าว
ขณะที่ปี 2565 บริษัทยังเดินหน้าในการขยายโรงแรมใหม่ต่อเนื่อง เน้นโรงแรมประเภท Hop Inn ต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะขยายเพิ่มอีก 7 แห่ง และในฟิลิปปินส์ อีก 2 แห่ง ด้วยงบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันมีโรงแรมแบรนด์ Hop Inn ในไทย กว่า 40 แห่ง ในฟิลิปปินส์ 6 แห่ง และโรงแรมในกลุ่มอื่นอีกกว่า 10 แห่ง
*หวังท่องเที่ยวฟื้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ERW ว่า คาดจะรายงานผลขาดทุนปกติที่ 300 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2564 เติบโต 13% YoY, เติบโต 52% QoQ มาจากการฟื้นตัวของท่องเที่ยวของไทย ประกอบกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของการเดินทางภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ 1. RevPar (Bt) ฟื้นตัวแรง 184%จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 398 บาท และ 2.EBIT Margin ดีขึ้นมาอยู่ที่ -32% (จาก -209% ในไตรมาส 3/64) เนื่องจากธุรกิจสะดุดน้อยลง
ทั้งนี้คาดว่าโมเมนตั้มกำไรของ ERW อาจสะดุดลงชั่วคราวใน ไตรมาส 1/2565หลังจากที่การท่องเที่ยวในประเทศเสียโมเมนตัมไปเพราะสายพันธุ์โอไมครอน อย่างไรก็ตาม ยังคงคาดว่าผลกระทบด้านลบจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เนื่องจาก การเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงด้าน Downside ในระยะยาว และ ผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตกับ COVID-19 แล้ว ทำให้ภาวะการท่องเที่ยวมีภูมิต้านทานต่อปัจจัยลบได้ดีขึ้น คาดว่าการท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีตั้งแต่ ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 3.70 บาท