รีเซต

เปิดโผหุ้นพื้นฐานดี รายได้ในประเทศเติบโตโดดเด่น เเนะเป็นช่วงเก็งกำไร หลังทรัมป์เลื่อนขึ้นภาษี 90 วัน

เปิดโผหุ้นพื้นฐานดี รายได้ในประเทศเติบโตโดดเด่น เเนะเป็นช่วงเก็งกำไร หลังทรัมป์เลื่อนขึ้นภาษี 90 วัน
TNN ช่อง16
13 เมษายน 2568 ( 08:00 )
17

เปิดโผหุ้นพื้นฐานดี รายได้ในประเทศเติบโตโดดเด่น เเนะเป็นช่วงเก็งกำไร หลังทรัมป์เลื่อนขึ้นภาษี 90 วัน โดยรวมรวมจากบทวิเคราะห์ชั้นนักที่ กูรูต่างให้มุมมองถึงพื้นฐานการเติบโตของบริษัทในปี 2568 ที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีการพึ่งพาจากรายได้ภายในประเทศเป็นหลัก และมีปัจจัยบวกเฉพาะทาง ภายใต้แรงกดดันจากสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น ได้แก่ BCH CPAXT HMPRO ERW AMATA และ CPALL เป็นต้น 


เริ่มที่ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX  เเนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ BCH และ CPAXT 


บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH โดยให้มุมมองว่า BCH ถือเป็นหุ้น Defensive ซึ่งปี 2568 นี้คาดว่ากําไรปกติจะเติบโตดีสุดในกลุ่มการแพทย์ที่ราว 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

โดยได้แรงหนุนจากการดําเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้น ของการเพิ่มบริการใหม่ๆ ประกอบกับผลขาดทุนที่ลดลงจากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 3 แห่ง อีกทั้งยังมี Valuation ไม่แพงเกินไป โดยซื้อขายที่ PER ปี 2568 ระดับ 20.8 เท่า คิดเป็น -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต 

ประเมินราคาเป้าหมาย BCH ที่ 20.00 บาท


บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่ากําไรปี 2568 ของ CPAXT จะเติบโตราว 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตดีที่สุดของกลุ่ม (ใกล้เคียงกับ CPALL) โดยคาดว่ากําไรไตรมาส 2/68 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ในอัตราที่เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568 ด้วย synergy ที่มากขึ้น และยอดขายและอัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้น แต่จะลดลงจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล

โดยประเมินกําไรปกติไตรมาส 1/2568 ของ CPAXT ได้ที่ราว 2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายและอัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ลดลงประมาณ 33% จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล  

ประเมินราคาเป้าหมาย CPAXT ที่ 32.00 บาท


ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เเนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ HMPRO และ ERW 


บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO คาดการณ์ว่ากำไรหลักในปี 2568 จะเติบโตขึ้นราว 6% โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 2% และยอดขายรวมจะเติบโต 7% อัตรากำไรขั้นต้นอาจเพิ่มขึ้น 0.1 ppt เป็น 27.7% จากการมุ่งเน้นที่การเพิ่มยอดขาย House Brand ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย 

ส่วน Catalyst คาดเริ่มมีเห็นผลบวกยอดขายสาขาเดิมฟื้นตัวดีขึ้นนับจากไตรมาส 2/2568 โดยเฉพาะผลบวกการซ่อมแซมหลังแผ่นดินไหว ส่วนการเก็งกำไรต้อนรับกระแสบริโภคคึกคักขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

ประกอบกับ HMPRO ออกโครงการซื้อหุ้นคืนจำกัดความเสี่ยงทางลง โดยมีวงเงินจำนวน 7,000 ล้านบาท และซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 800 ล้านหุ้น คิดเป็นราคาเฉลี่ย 8.75 บาทต่อหุ้น มองว่าการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่องจะเป็น positive catalyst ต่อราคาหุ้น 

ประเมินราคาเป้าหมาย HMPRO ที่ 13.50 บาท

 

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW โดยมองว่าสัญญาณการเติบโตของกำไรไตรมาส 1/2568 ยังคาดเด่นตามช่วงฤดูกาล ขณะที่ผลประกอบการทั้งปี 2568 บนสมมติฐานที่ฝ่ายวิจัยกำหนดแบบอนุรักษ์นิยิมขึ้น ยังคาดว่ากำไรปี 2568-2569 จะขยายตัวได้ต่อเนื่องอีกเฉลี่ยปีละ 6% 

ด้าน Catalyst กระแสท่องเที่ยวความคึกคักช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผสาน ผลบวกระยะถัดไปช่วงนอกฤดูกาลที่คาดจะดีกว่าปีปกติ หลังรัฐปรับเงื่อนไขมาตรการเราเที่ยวด้วยกันใช้เฉพาะวันธรรมดา หนุนประสิทธิภาพโดยรวม เพิ่มอัตราเข้าพักช่วงวันธรรมดา หนุน ERW ทีมีฐานธุรกิจโรงแรมในไทยมากสุดในกลุ่ม 

ประเมินราคาเป้าหมาย ERW ที่ 4.00 บาท 

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เเนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ AMATA – CPALL

 

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA โดยประเมินการปรับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯล่าสุดเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มนิคมฯ ล่าสุดสหรัฐฯ เลื่อนการใช้อัตราภาษีตอบโต้กับทุกประเทศ “ยกเว้นประเทศจีน” ไปอีก 90 วัน จะเป็น Sentiment บวกต่อไทย และช่วยกระตุ้นการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตมายังนิคมฯ ทั้งในไทย-เวียดนาม 

โดยประเมินราคาหุ้น Oversold มีโอกาส Rebound ประเมินแนวรับ 13.5 บาท / แนวต้าน 15.0 – 15.3 บาท กรณี Rebound ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินแนวต้านถัดไป +/- 16.0 บาท (Stop loss 13.0 บาท) เเละ Valuation ถูกระดับ Crisis PBV 0.74 เท่า ใกล้เคียงระดับ Hamburger Crisis ที่ 0.67 เท่า 

ประเมินราคาพื้นฐาน AMATA ที่ 31 บาท

 

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL โดยมองว่า CPALL เป็นหุ้น Defensive play มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง เเละกำไรยังโตได้ต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานยังโตแกร่งต่อเนื่อง ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน 

นอกจากนี้ ประเมินนโยบายลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาล รวมทั้งราคาน้ำมันที่ลดลงแรง จะเป็น Sentiment บวกต่อ CPALL ประกอบกับ Valuation ถูก Forward PE +/-17 เท่า (ต่ำกว่า -2 SD ที่ +/-18 เท่า) PBV 3.56 เท่า ใกล้ระดับต่ำสุดตั้งแต่ IPO ที่ราว +/- 3.2 เท่า (ย้อนไป Hamburger Crisis) และ Dividend yield +3%

ประเมินราคาหุ้น Rebound หลังลงมาใกล้แนวรับสำคัญ ค่าเฉลี่ย 200 เดือน (44.5 บาท) ประเมินแนวรับ 49.75 บาท / แนวต้าน 51 - 52 บาท กรณีฟื้นตัวผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินแนวต้านถัดไป +/- 53 บาท (Stop loss 47 บาท) 

ประเมินราคาเป้าหมายที่ 74 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง