เซ่นพิษภาษี! "Lululemon" หั่นกำไร เผชิญคู่แข่ง-ต้นทุนพุ่ง

บริษัท Lululemon Athletica ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าออกกำลังกายชื่อดัง ประกาศปรับลดคาดการณ์กำไรและรายได้ประจำปี 2025 ลงอีกครั้ง หลังผลประกอบการสะท้อนปัญหาทั้งด้านต้นทุนและการตลาด โดยเฉพาะผลกระทบจากภาษีนำเข้าและการจัดการสินค้าในตลาดสหรัฐฯ
ราคาหุ้นของ Lululemon ร่วงลงกว่าร้อยละ 15 หลังปิดตลาด ภายหลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทชี้ว่าการเปิดตัวสินค้าใหม่รายสัปดาห์ยังไม่สามารถกระตุ้นยอดขายได้ ขณะที่ผู้บริโภคหันไปเลือกซื้อสินค้าทางเลือก ทั้งจากแบรนด์หรูอย่าง Alo Yoga และสินค้าก๊อบปี้ราคาย่อมเยาที่ใช้เทคโนโลยีผ้าใกล้เคียงกัน
แม้ยอดขายรวมไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 อยู่ที่ 2.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรต่อหุ้น 3.10 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ยอดขายในทวีปอเมริกากลับหดตัวร้อยละ 1 ขณะที่ตลาดต่างประเทศเติบโตถึงร้อยละ 15
ซีอีโอของบริษัท นายคาลวิน แมคโดนัลด์ ยอมรับว่าการบริหารวงจรชีวิตสินค้าในหลายหมวดหมู่ยืดเยื้อเกินไป โดยเฉพาะสินค้าแนวลำลองและแฟชั่น ทำให้ไม่สามารถตอบสนองกระแสฤดูกาลได้ทันเวลา จนผู้บริโภคสหรัฐฯ หันเหไปยังคู่แข่ง
อีกหนึ่งแรงกดดันสำคัญคือมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยการยกเลิกสิทธิยกเว้นภาษี "de minimis" ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ Lululemon ประเมินว่าจะกระทบกำไรขั้นต้นปี 2025 ราว 240 ล้านดอลลาร์ และกดดันอัตรากำไรจากการดำเนินงานในปี 2026 ถึง 320 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้บริษัทพึ่งพาการผลิตจากเวียดนามและจีนรวมกันถึงร้อยละ 40 ของสินค้าสำเร็จรูป และร้อยละ 28 ของวัตถุดิบผ้า
บริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ประจำปีเหลือระหว่าง 10.85–11 พันล้านดอลลาร์ (10,850 ล้านดอลลาร์ ถึง 11,000 ล้านดอลลาร์) จากเดิม 11.15–11.30 พันล้านดอลลาร์ ( 11,150 ล้านดอลลาร์ ถึง 11,300 ล้านดอลลาร์) พร้อมย้ำว่าจะเดินหน้าปรับกลยุทธ์ ทั้งการขึ้นราคาสินค้าบางส่วนเพื่อชดเชยต้นทุนภาษี ควบคู่กับการทำโปรโมชั่นระบายสต็อก
ความท้าทายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายช่วงเทศกาลปลายปีของผู้บริโภคอเมริกันจะหดตัวแรงที่สุดตั้งแต่ยุคโควิด-19 ตามผลสำรวจของ PwC ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่ออนาคตของ Lululemon ในตลาดบ้านเกิดอย่างชัดเจน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
