รีเซต

อาการ "ไขกระดูกสันหลังอักเสบ" ทำไม?ทำให้อดีตมือกลอง Slipknot เสียชีวิต

อาการ "ไขกระดูกสันหลังอักเสบ" ทำไม?ทำให้อดีตมือกลอง Slipknot เสียชีวิต
Oopsoi5
29 กรกฎาคม 2564 ( 14:02 )
372

กลายเป็นเทรนด์ฮอตประจำวันจากข่าว สาวกนูเมทัลสุดเศร้า "โจอี้ จอร์ดิสัน" อดีตมือกลอง Slipknot เสียชีวิตแล้ว มีการสันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากโรคประจำตัวของเขานั่นเอง โดยหลายปีก่อนทางด้านของ "โจอี้" มีอาการป่วยจากอาการไขกระดูกสันหลังอักเสบซึ่งเป็นอาการที่สะสมมาอย่างยาวนานจากการใช้แรงในการตีกลองกระทั่งทำให้บทบาทในการเป็นมือกลองของเขาจต้องจบลง วันนี้ trueID พาไปรู้จักกับ "อาการไขสันกระดูกหลังอักเสบ" ว่าทำไมถึงมีผลทำให้มือกลองของวงดังกล่าวต้องจบชีวิตลง

 

 

สาเหตุของอาการ "ไขกระดูกสันหลังอักเสบ" 

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่ปัจจัยที่อาจมีส่วนทำให้เกิดโรค ได้แก่ กรรมพันธุ์ ชนชาติ (คนไทยพบน้อย) เชื้อไวรัสบางชนิด (เชื้ออีบีวี) ระดับวิตามินดีในเลือดต่ำ การสูบบุหรี่ เป็นต้น โรคนี้มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย พบบ่อยในวัยเจริญพันธุ์ อายุเฉลี่ย 20-40 ปี

 

ไขกระดูกสันหลังอักเสบ เป็นโรคที่มีอาการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นประสาทในไขสันหลัง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติเข้าทำลายไขสันหลัง หรืออาจเกิดภายหลังการติดเชื้อ อาทิ โรคติดเชื้อไวรัส โรคทางภูมิคุ้มกันต้านทานโรคผิดปกติ เช่น โรคเอสแอลอี โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง การได้รับวัคซีน เช่น วัคซีนโรคหัด โรคคางทูม โรคไขสันหลังอักเสบส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

 

 

อาการและอาการแสดง

  • ผู้ป่วยจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง ชา
  • มีอาการผิดปกติของระบบขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ โดยบางรายจะมีอาการแสบร้อน การควบคุมขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะผิดปกติ อาจเป็นเบ่งปัสสาวะอุจจาระไม่ออกหรือถ่ายราด กลั้นไม่อยู่
  • มีอาการคล้ายมีอะไรมารัดตามตัว
  • มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อคล้ายเป็นตะคริว

 

 

การป้องกัน

ภาวะปลอกหุ้มเส้นประสาทไขสันหลังอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสนั้น ไม่สามารถป้องกันได้โดยตรง อาจป้องกันโดยการรักษาสุขอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส โดยผู้ป่วยจะต้องมีการดูแลตนเองที่ดีเมื่อเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ คือ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกายภาพบำบัด ฝึกการขับถ่ายตามแพทย์แนะนำ ดูแลอย่าให้ท้องผูก ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ทานยาให้ครบถ้วน ไม่ขาดยา และควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการแขนขาอ่อนแรงมากขึ้น

 

การรักษา

  • ถ้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสต้องให้ยาต้านไวรัส
  • แต่หากเกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติในระยะเฉียบพลัน จำเป็นต้องได้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูงทางหลอดเลือดดำ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายพลาสมา
  • สำหรับการรักษาในระยะยาวขึ้นอยู่กับผลของการตรวจเลือด ถ้าพบว่ามีการกำเริบของโรคจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นเวลาอย่างน้อย 3-5 ปี
  • ส่วนในกรณีที่เป็นโรคไขสันหลังอักเสบแต่ไม่พบการกำเริบของโรค ผู้ป่วยจะได้รับยากดภูมิคุ้มกันเพียงระยะสั้น 6 เดือน เนื่องจากยากดภูมิคุ้มกันมีผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ เบาหวาน ไขมันสูง กระดูกพรุน เป็นต้น

 

 

การดำเนินโรค

มักมีการกำเริบเป็นพักๆ โดยอาการอาจเป็นรูปแบบเดิมหรือเกิดอาการใหม่ ที่แตกต่างจากลักษณะเดิมได้ ซึ่งเกิดจากรอยโรคที่ตำแหน่งใหม่ การกำเริบมักเกิดในช่วงปีแรกๆของโรค เฉลี่ยกำเริบประมาณปีละครั้งหรือสองปีต่อครั้ง เมื่อเป็นมานานอาการกำเริบมักจะเป็นห่างขึ้น  ในแต่ละครั้งที่โรคกำเริบ อาการมักจะดีขึ้นได้เองหรือดีขึ้นจากยาสเตียรอยด์ อาการจะค่อยๆดีขึ้นในเวลาเป็นสัปดาห์ถึงเป็นเดือน

 

ผู้ป่วยส่วนหนึ่งสามารถฟื้นตัวจนหายกลับเป็นปกติ  บางรายฟื้นตัวดีขึ้นเพียงบางส่วน ไม่หายกลับเป็นปกติ ทำให้เกิดความทุพพลภาพขึ้น  เมื่อมีการกำเริบของโรคในแต่ละครั้งแล้วไม่สามารถฟื้นตัวได้เท่าปกติ  อาจจะเพิ่มความทุพพลภาพแก่ผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆได้  เมื่อเวลาผ่านไป ความผิดปกติทางระบบประสาทของผู้ป่วยบางรายจะค่อยๆสะสมมากขึ้น ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีอาการเลวลงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีช่วงที่ดีขึ้นได้ ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย

 

 

ข้อมูล : สสส , คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ภาพโดย Gundula Vogel จาก Pixabay 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

 

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง