อังกฤษพบผู้ติดเชื้อทะลุ 40,000 คนอีกครั้ง อะไรเป็นสาเหตุทำให้อังกฤษเจอการระบาดรุนแรงอีก
ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มรายวันเพียง 57 ราย ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสมทั่วประเทศขณะนี้ อยู่ที่ 138,584 ราย โดยปัจจุบันนี้ สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยโควิด รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 7,086 ราย ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนผู้ป่วยที่น้อยลงมาก เมื่อเทียบกับการระบาดครั้งก่อน
◾◾◾
🔴 แน่นอน...ปัจจัยหลัก เกิดจาก "วัคซีน"
แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะการที่เจอผู้ติดเชื้อมากกว่าหลายชาติในยุโรป ทำให้ไวรัสแพร่ะกระจายได้มาก ดังนั้น โอกาสเกิด break through เคสก็มากขึ้นด้วย และอาจไปถึง "กลุ่มเสี่ยง" จนทำให้บริการทางการแพทย์ตึงเครียดได้อีก
ตามข้อมูลของ ONS พบว่า ประมาณ 1 ล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร ติดเชื้อโควิดในสัปดาห์ล่าสุด ขณะที่ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วอังกฤษและเวลส์ แต่ลดลงในสกอตแลนด์ อย่างไรก็ตาม 85% ของประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไปในสหราชอาณาจักร ฉีดวัคซีนเข็มแรก และมากกว่า 78% ฉีดครบ 2 เข็ม
◾◾◾
🔴 "เด็ก" คือตัวแปรสำคัญในการระบาดรอบใหม่
การระบาดของโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรรอบนี้ (รอบที่ 5) ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามี "เด็ก" เป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น และสร้างความกังวลแก่เหล่านักวิทยาศาสตร์ กรณีการเดินหน้าฉีดวัคซีนในโรงเรียนที่ล่าช้า อาจทำให้ผลร้ายาแรงตามมา
ผลการสำรวจเมื่อวันศุกร์ (15 ตุลาคม) พบว่า "ความชุก" ของการระบาดครั้งนี้ เทียบเท่ากับการระบาดที่รุนแรงที่สุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คือ 8% ของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาพบว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหราชอาณาจักร ยังค่อนข้างล่าช้ากว่าหลายประเทศในยุโรป และแม้กระทั่งสกอตแลนด์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางคนมองว่า มีการให้ข้อมูลเรื่องวัคซีนที่งุนงงกับเด็ก ๆ รวมถึงการเริ่มต้นที่ค่อนข้างล่าช้า ตลอดจนแนวทางการฉีดวัคซีนที่ไม่ยืดหยุ่น เนื่องจากมีการจัดให้ฉีดในโรงเรียนเท่านั้น ทำให้ยังมีเด็กบางคนที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้ ทำให้กระบวนการฉีดเด็กวัยนี้ค่อนข้างมีปัญหา
◾◾◾
🔴 ฉีดวัคซีนให้เด็กค่อนข้างช้า
"สิ่งที่น่ากังวลในตอนนี้คือ โครงการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กวัย 12-15 ปีนั้น ไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก" ลอว์เรนซ์ ยัง นักระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวาร์วิกกล่าวกับสำนักข่าว Reuters อีกทั้งยังกังวลว่า หากมีการระบาดของเชื้อไวรัสทางเดินหายใจตัวอื่น ๆ ในช่วงฤดูหนาว อาจยิ่งทำให้เกิด "พายุการระบาดที่รุนแรง" ขึ้นอีก
"และไม่เพียงแต่โรงเรียนที่จะต้องรับศึกหนัก แต่ NHS ด้วยเช่นกัน ซึ่งที่น่ากังวลคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ จะยุ่งเหยิงอย่างที่สุด"
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว หัวหน้าทีมแพทย์อังกฤษแนะนำว่า เด็กในวัย 12-15 ปี ควรต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อจะได้ไม่กระทบหนักต่อการเรียนของพวกเขา
จากข้อมูลล่าสุดพบว่า มีเด็กอายุ 12-17 ปี ราว 28.8% ในอังกฤษที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ซึ่งนับว่าล่าช้ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับสกอตแลนด์ มีการฉีดวัคซีนให้เด็กวัย 12-15 ปี แล้วถึง 46.5% ซึ่งเด็ก ๆ สามารถเดินเข้าไปฉีดที่ศูนย์ฉีดวัคซีนได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปรับการฉีดที่โรงเรียนเหมือนในอังกฤษ
อังกฤษเพิ่งเริ่มฉีดให้เด็ก 16-17 ปีเมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนที่เด็ก ๆ จะกลับไปเรียน ส่วนเด็ก ๆ วัย 12-15 ปี เพิ่งได้รับอนุมัติให้ฉีดหลังเลยช่วงเวลาการเปิดเทอมไปแล้วถึง 3 สัปดาห์
การฉีดวัคซีนเด็ก ๆ ที่ล่าช้า หลังจากที่คณะกรรมการด้านวัคซีนและภูมิคุ้มกัน ยังไม่ยอมอนุมัติการฉีดวัคซีนในวัย 12 ปีขึ้นไป โดยระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานความปลอดภัยเพียงพอ
ทำให้ตอนนี้อังกฤษกำลังพิจารณาจะให้เด็ก ๆ walk-in ฉีดที่ศูนย์ใดก็ได้ คาดว่าจะรู้ผลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
◾◾◾
🔴 คนอังกฤษเริ่มไม่สวมหน้ากากอนามัย
ชาวอังกฤษเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และสวมหน้ากากอนามัยกันน้อยลง ซึ่งหากคิดเป็นสัดส่วน นับว่ามากกว่า เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน และอิตาลีเสียอีก
สำหรับสกอตแลนด์ ยังมีข้อแนะนำให้คนสวมหน้ากากฯ ขณะอยู่ในอาคาร แต่ที่อังกฤษ ไม่มีข้อแนะนำเช่นนั้น
◾◾◾
🔴 คนอังกฤษปฏิบัติตามกฎน้อยลง เจอกันมากขึ้น
สหราชอาณาจักรผ่อนปรนมาตรการเร็วกว่าหลายชาติในแถบยุโรปตะวันตก โดยชาวอังกฤษ, เวลส์, สกอตแลนด์ สามารถไปไนท์คลับ และรวมตัวกันได้ไม่จำกัด ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ยังมีมาตรการเข้มกว่านี้
อีกทั้งผลการสำรวจพบว่า ชาวอังกฤษ ใช้บริการรถสาธารณมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
◾◾◾
🔴 ภูมิคุ้มกันที่เริ่มลดลง
เหมือนที่มีผลการศึกษาในอิสราเอล ที่พบว่าเมื่อเวลาผ่านไป ภูมิคุ้มกันก็เริ่มลดลง ทำให้ต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชน
ปัจจุบัน อังกฤษฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ผู้สูงวัย ซึ่งราว 3.7 ล้านคนได้รับวัคซีนเข็ม 3 แล้ว (ข้อมูลถึง 17 ตุลาคม)
ทั้งนี้ การป้องกันติดเชื้ออาการหนัก ยังคงอยู่ได้นานถึง 6 เดือนหลังจากที่ฉีดวัคซีน
◾◾◾
🔴 การฉีดวัคซีนที่ชะงักงัน
อังกฤษเป็นประเทศที่เริ่มฉีดวัคซีนเร็ว แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอัตราการฉีดวัคซีนเริ่มคงตัว และพบว่าอัตราผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ไม่ติด top-10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนมากเป็นอันดับต้น ๆ อีกแล้ว
—————
เรื่อง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: DANIEL LEAL-OLIVAS / AFP