‘เด็ก’ กลายเป็น ‘สินค้า’ ในสายตาคนบางกลุ่ม จุดเริ่มต้นปัญหาค้ามนุษย์
—--------------------
“ตามหาคนอุปการะ น้องเป็นเด็กผู้หญิงนะคะ คลอดวันนี้ค่ะ”
“ขอคนมีใจเมตตา รักเด็กและต้องการมีลูกจริงๆ นะคะ”
“ขอคนตรวจสอบได้ไม่มีอะไรปิดบัง”
“หาเด็กเพศหญิงค่ะ มีสินน้ำใจให้ พร้อมดูแลอย่างดี ส่งเรียนดีๆ ทัก มาค่ะ”
“หาเด็กมาอุปการะค่ะ เพศหญิงแรกเกิดถึง 2 เดือน ทิ้งไอดีไลน์ไว้นะคะ”
ข้อความส่วนหนึ่งจากกลุ่มลับ ‘รับอุปการะเด็ก’
ปรากฏการณ์เช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเด็ก จนกลายเป็นเพียงวัตถุที่ซื้อขายเปลี่ยนมือได้ตามความต้องการของผู้ใหญ่ ทัศนคติที่บิดเบี้ยวเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญของปัญหาการแสวงประโยชน์จากเด็กในรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจพัฒนากลายเป็นขบวนการค้ามนุษย์ที่ซับซ้อน และส่งผลกระทบต่อชีวิตของเด็กนับไม่ถ้วน
เปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ในร่างอุปการะเด็ก
กลุ่มที่เปิดรับอุปการะเด็ก ในลักษณะดังกล่าว สะท้อนถึงปัญหาอาชญากรรมที่ร้ายแรงแต่มักถูกมองข้าม เพราะแฝงตัวอยู่ในสังคมโดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายและการบังคับใช้ที่ยังขาดประสิทธิภาพ
จากข้อมูลสถิติของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในปี 2565 มีจำนวนคดีค้ามนุษย์ถึง 482 คดี โดยมีผู้เสียหายทั้งสิ้น 608 คน ในจำนวนนี้เป็นเพศหญิงถึง 80% และเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีถึง 58% ซึ่งการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดถึง 49% ของคดีทั้งหมด
สถานการณ์ในปี 2566 ก็ยังคงน่าเป็นห่วง โดยมีจำนวนคดีเพิ่มขึ้นเป็น 524 คดี มีผู้เสียหาย 652 คน ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเพศหญิงและเด็กเยาวชนเช่นเดิม แม้สัดส่วนของการค้าประเวณีจะลดลงเล็กน้อยเหลือ 48% แต่ก็ยังเป็นรูปแบบหลักของการค้ามนุษย์ในประเทศไทย
ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกจับกุมดำเนินคดีเท่านั้น ยังมีอีกจำนวนมากที่ไม่ถูกรายงานและยังคงซ่อนเร้นอยู่ในสังคม จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้ให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากภัยคุกคามเหล่านี้
เมื่อลูก ถูกแลก ด้วยเงิน ความยากจนผลักดันสู่วังวนอุปการะที่ผิดเพี้ยน
เมื่อความยากจนผลักให้ครอบครัวไทยต้องพลัดพรากจากลูก โดยการยกบุตรให้ผู้อื่นอุปการะเพื่อความอยู่รอด สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้ให้เห็นว่า ในปี 2564 มีคนไทยถึง 4.8 ล้านคน ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนซึ่งกำหนดไว้ที่ 2,802 บาทต่อคนต่อเดือน หรือ 33,624 บาทต่อคนต่อปี แม้ยังไม่มีการรายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการในปี 2565 แต่คาดว่าจำนวนคนจนยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นเดิม
ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในสังคมไทยยังคงเป็นปัญหาที่รุนแรง จากข้อมูลล่าสุดในปี 2564 พบว่า 1% ของคนไทยที่รวยที่สุด มีรายได้รวมกันมากกว่ารายได้รวมของคนไทย 50% ที่จนที่สุด ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนที่ถ่างกว้างนี้ แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมในการกระจายทรัพยากรและโอกาสทางเศรษฐกิจ สภาวะเช่นนี้ เป็นปัจจัยผลักดันสำคัญที่ทำให้ครอบครัวที่ยากลำบากจำนวนมาก ต้องตัดสินใจยกบุตรให้ผู้อื่นเลี้ยงดู แม้จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด เพราะไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป
เพิกเฉยไม่ได้แล้ว : สังคมไทยต้องตื่นตัว ร่วมสอดส่องปกป้องเด็กจากการค้ามนุษย์
ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและสตรี ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากเราเพิกเฉย ก็เท่ากับร่วมส่งเสริมให้ปัญหานี้ลุกลามต่อไป ทุกคนควรมีส่วนร่วมเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่หากพบการกระทำที่น่าสงสัย การโทรแจ้ง สายด่วน 1300 ปลอดภัย และไม่เปิดเผยชื่อผู้แจ้งเบาะแส ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่รณรงค์ปลูกจิตสำนึกที่ถูกต้องและใส่ใจในการพิทักษ์สิทธิเด็กให้กว้างขวาง
สังคมล้มเหลว: รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คืนความอบอุ่นให้ครอบครัวไทย
ในการแก้ปัญหาค้าเด็กและการค้ามนุษย์นั้น รัฐมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ภาคประชาสังคม ความพยายามควรเริ่มตั้งแต่การช่วยเหลือครอบครัวที่ยากลำบากอย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่หางานที่มั่นคง สร้างรายได้เพียงพอ และสวัสดิการช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร ให้พ่อแม่ไม่ต้องคิดยกลูกให้ผู้อื่นอุปการะ ไปพร้อม ๆ กับการเร่งปรับปรุงกฎหมายและกลไกบังคับใช้ให้ทันสมัย เพื่อปิดช่องโหว่และปราบขบวนการค้ามนุษย์ได้อย่างเด็ดขาดมากขึ้น การศึกษายังมีความสำคัญยิ่งในการขจัดทัศนคติที่ผิด ฝังรากลึกในสังคม โดยมุ่งปลูกฝังหลักศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์ตั้งแต่เยาว์วัย
สายใยรักที่ไม่อาจตัดขาด: บทเรียนจากครอบครัวไทยในอดีต
ในอดีต สังคมไทยให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวเป็นอย่างมาก ถือเป็นหน่วยย่อยที่มีความสำคัญที่สุดในการหล่อหลอมสมาชิกให้เป็นคนดี มีคุณภาพ ถึงแม้ครอบครัวส่วนใหญ่จะมีฐานะยากจน มีจำนวนบุตรหลานมาก แต่พ่อแม่ก็มักอุตสาหะทำงานหนักเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัวให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะต้องลำบากเพียงใด ลูกทุกคนก็จะได้รับความรักความอบอุ่น ไม่ถูกทอดทิ้งให้ต้องไปเผชิญชะตากรรมอันแสนเลวร้าย
ในทัศนคติของสังคมไทยแต่เดิมนั้น การยกบุตรให้ผู้อื่นอุปการะเลี้ยงดูเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และถือเป็นเรื่องน่าละอาย เพราะลูกคือสายเลือด เป็นผลผลิตแห่งรักที่ยิ่งใหญ่ที่พ่อแม่มีต่อกัน การทอดทิ้งลูกจึงเท่ากับการตัดขาดสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งนี้ และทำให้เกียรติภูมิศักดิ์ศรีของครอบครัวต้องด่างพร้อย
ไม่ว่าจะประสบความยากลำบากเพียงใด พ่อแม่ก็พร้อมจะร่วมกันฝ่าฟัน ไม่คิดที่จะละทิ้งหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้ ครอบครัวจึงเป็นที่พักพิงให้กำลังใจซึ่งกันและกัน พลังแห่งความรักความผูกพันนี้เองที่ทำให้ครอบครัวไทยในอดีตมีความเข้มแข็งและอบอุ่น
สรุป
ปัญหาการมองเด็กเป็นสินค้าที่ซื้อขายได้นั้น เป็นปรากฏการณ์น่าวิตกที่สะท้อนถึงความเสื่อมทรามทางจริยธรรมและความอ่อนแอของสังคมไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อเลี้ยงให้การค้ามนุษย์ยังคงดำรงอยู่ ปัญหานี้จึงจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง ด้วยความร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และประชาชนทุกคน ตั้งแต่การช่วยเหลือครอบครัวที่ยากไร้เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ไปจนถึงการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงามแก่ลูกหลานรุ่นใหม่ หากเราร่วมแรงร่วมใจทำอย่างต่อเนื่อง ก็มีความหวังว่าอนาคตของเด็กไทยจะพ้นจากมลทินแห่งการถูกตีตราเป็นเพียงสินค้า และความอบอุ่นของครอบครัวไทยจะได้กลับมาอีกครั้ง
เชิงอรรถ-
การอุปการะบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น จะต้องดำเนินการผ่านหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่น กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้ที่ประสงค์จะอุปการะเด็กต้องผ่านการคัดกรองอย่างเข้มงวด ทั้งในแง่ของความพร้อมทางด้านจิตใจ สุขภาพ และฐานะทางเศรษฐกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเลี้ยงดูเด็กได้อย่างดีที่สุด อีกทั้งยังมีกระบวนการติดตามเยี่ยมบ้านเป็นระยะ เพื่อประเมินความเป็นอยู่ของเด็กภายหลังการอุปการะ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่าเด็กจะได้รับการดูแลที่ดีและปลอดภัย ไม่ถูกแสวงหาประโยชน์หรือเอารัดเอาเปรียบแต่อย่างใด
เรียบเรียงโดย : ยศไกร รัตนบรรเทิว บรรณาธิการ TNN
ภาพ Getty Images
อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล
- กลุ่มลับ 'รับอุปการะเด็ก'
- ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในประเทศไทย จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปี 2565-2566
- ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของคนไทย จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ครอบครัวที่ยากลำบากต้องยกบุตรหลานให้ผู้อื่นเลี้ยงดู